ก่อนอื่นเลยก็คือการเรียงลำดับข้อมูลเป็นหนึ่งในกระบวนการที่สำคัญอย่างมากระดับหนึ่งในโลกของการโปรแกรมมิ่ง การเรียงลำดับข้อมูลมีผลที่สำคัญต่อประสิทธิภาพและประสิทธิภาพของโปรแกรมของเรา ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงอัลกอริธึมเรียงลำดับที่น่าสนใจอย่าง "Merge Sort" ซึ่งเป็นหนึ่งในอัลกอริธึมที่เน้นในการเรียงลำดับข้อมูลอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพอันดับหนึ่งในการเรียงลำดับข้อมูลที่มีข้อมูลมากมาย
"Merge Sort" เป็นอัลกอริธึมการเรียงลำดับที่มีความเรียงของเวลาเท่ากับ O(n log n) ซึ่งถือเป็นแบบฉลาดและมีประสิทธิภาพสูงมาก โดยอัลกอริธึมนี้ทำงานโดยการแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนๆ จนกระทั่งไม่สามารถแบ่งแยกได้แล้ว และจากนั้นก็นำข้อมูลที่แบ่งแยกแล้วมาผสานกันใหมให้เป็นลำดับที่ถูกต้อง
1. ประสิทธิภาพสูง: Merge Sort เป็นหนึ่งในอัลกอริธึมการเรียงลำดับที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ทำให้ง่ายต่อการใช้งานและมีประสิทธิภาพต่อการเรียงลำดับข้อมูลที่มีขนาดใหญ่
2. ความเรียงลำดับ: Merge Sort มีความแม่นยำและมั่นคงในการเรียงลำดับข้อมูลทั้งในกรณีที่ข้อมูลมีรูปแบบต่างๆ และมีประสิทจภาพสูงในการจัดเรียงข้อมูลที่ซับซ้อน
1. การใช้พื้นที่จัดเก็บ: Merge Sort ต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อเทียบกับอัลกอริธึมการเรียงที่อื่น ทำให้ Merge Sort ในบางกรณีจะใช้พื้นที่จัดเก็บมากกว่าที่จึงกล่าวไป ทำให้การใช้งาน Merge Sort ในบางกรณีที่มีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่จัดเก็บข้อมูลไม่เหมาะสม
2. การใช้เวลาในการเรียงลำดับข้อมูลขนาดเล็ก: เมื่อเปรียบเทียบกับอัลกอริธึมการเรียงลำดับอื่น เช่น Quick Sort, Merge Sort มีความช้ากว่าในกรณีที่ต้องการจัดเรียงลำดับข้อมูลที่มีขนาดเล็ก
เมื่อเราสนใจที่จะใช้งาน Merge Sort เราสามารถใช้งานอัลกอริธึมนี้ในกรณีที่เราต้องการเรียงลำดับข้อมูลที่มีขนาดใหญ่และต้องการความแม่นยำในการเรียงลำดับ เช่นเราสามารถนำ Merge Sort มาใช้งานในการเรียงลำดับรายชื่อลูกค้าที่มีข้อมูลจำนวนมาก หรือการจัดเรียงลำดับข้อมูลทางการเงินที่ต้องการความแม่นยำสูง
function merge(left, right) {
let result = [];
let leftIndex = 0;
let rightIndex = 0;
while (leftIndex < left.length && rightIndex < right.length) {
if (left[leftIndex] < right[rightIndex]) {
result.push(left[leftIndex]);
leftIndex++;
} else {
result.push(right[rightIndex]);
rightIndex++;
}
}
return result.concat(left.slice(leftIndex)).concat(right.slice(rightIndex));
}
function mergeSort(arr) {
if (arr.length <= 1) {
return arr;
}
const middle = Math.floor(arr.length / 2);
const left = arr.slice(0, middle);
const right = arr.slice(middle);
return merge(mergeSort(left), mergeSort(right));
}
ในตัวอย่างข้างบน เรามีการสร้างฟังก์ชัน merge ที่ใช้ในการผสานข้อมูลระหว่างข้อมูลจากฝั่งซ้ายและข้อมูลจากฝั่งขวา และฟังก์ชัน mergeSort ที่ใช้ในการแบ่งแยกและเรียงลำดับข้อมูล โดยฟังก์ชัน mergeSort จะทำการแบ่งข้อมูลไปเรื่อยๆ จนกระทั่งข้อมูลเหลืออย่ใ 1 ตัว และจากนั้นผสานข้อมูลกลับมาให้อยู่ในลำดับที่ถูกต้อง
Merge Sort เป็นอัลกอริธึมการเรียงลำดับที่มีความเรียงของเวลาที่น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับอัลกอริธึมการเรียงลำดับที่อื่น และมีประสิทธิภาพสูงในการจัดเรียงข้อมูลที่มีข้อมูลมากมาย อย่างไรก็ตามการใช้งาน Merge Sort ก็มีข้อจำกัดบางอย่าง เช่นการใช้พื้นที่จัดเก็บและความช้าในการจัดเรียงลำดับข้อมูลขนาดเล็ก ดังนั้นการเลือกใช้งาน Merge Sort ควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียของอัลกอริธึมเหล่านี้อย่างถ่องแท้ก่อน
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM