บทความ: วนรอบไปกับ Loop ในโลกแห่งการเขียนโปรแกรมด้วย Golang
Loop, หรือการวนรอบ, เป็นหนึ่งในแนวคิดพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการเขียนโปรแกรมทุกภาษา ไม่ว่าจะเป็น C, Java, Python และแน่นอน Golang หรือ Go ที่เราจะพูดถึงในวันนี้ครับ การใช้ loop เป็นเสมือนดาบสองคม: หากใช้อย่างมีศิลปะและระมัดระวัง จะทำให้โค้ดสั้นและประหยัดเวลา; แต่ถ้าใช้ไม่เหมาะสม อาจนำพาไปสู่ปัญหาที่เรียกว่า 'infinite loop' ที่สามารถทำให้โปรแกรมของเรานั้นทำงานไม่สิ้นสุดและสิ้นเปลืองทรัพยากรได้ครับ
ใน Golang, loop นั้นมีความโดดเด่นเพราะมีเพียงตัวเดียวที่นำมาใช้งานได้แก่ 'for loop' ที่ปรับใช้ได้หลากหลายโดยไม่ต้องเสียเวลากับหลายรูปแบบ loop ให้สับสน
ตัวอย่างการใช้งาน loop ใน Golang:
package main
import "fmt"
func main() {
// Loop พื้นฐานที่เพิ่มค่าตัวนับ
for i := 0; i < 5; i++ {
fmt.Println("เราอยู่ในรอบที่:", i)
}
// Loop ที่ทำงานจนกว่าจะถึงเงื่อนไขมาจากนอก loop
j := 0
for j < 5 {
fmt.Println("j ยังน้อยกว่า 5:", j)
j++
}
// Infinite Loop ที่จะหยุดเมื่อใช้คำสั่ง break
k := 0
for {
fmt.Println("Loop ไม่มีที่สิ้นสุด แต่เราทำได้!", k)
k++
if k == 5 {
break
}
}
}
ในตัวอย่างที่เราเห็นนี้ จะเห็นได้ว่า Golang มี 'for loop' ที่สามารถใช้งานได้ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการนับรอบ การทำงานจนถึงเงื่อนไข หรือแม้กระทั่งการทำงานเรื่อยๆจนกว่าจะพบสถานการณ์ที่ต้องการเพื่อหยุด loop สิ่งเหล่านี้ทำให้ 'for loop' ใน Golang นั้นโอบรับทุกโจทย์ที่ต้องการการวนรอบได้อย่างง่ายดายครับ
ตัวอย่างการใช้งาน Loop ในโลกจริง:
1. การจัดการกับฐานข้อมูล
ด้วยการใช้ loop ใน Golang, เราสามารถจัดการกับข้อมูลในฐานข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการอัพเดทข้อมูลของทุก row ในตาราง:
package main
import (
"database/sql"
"fmt"
_ "github.com/go-sql-driver/mysql"
)
func main() {
db, err := sql.Open("mysql", "user:password@tcp(127.0.0.1:3306)/dbname")
if err != nil {
log.Fatal(err)
}
defer db.Close()
rows, err := db.Query("SELECT id FROM users")
if err != nil {
log.Fatal(err)
}
defer rows.Close()
for rows.Next() {
var id int
if err := rows.Scan(&id); err != nil {
log.Fatal(err)
}
// ทำการอัพเดทที่นี่โดยใช้ ID ที่ได้จากการวนรอบ
fmt.Println("ทำการอัพเดทข้อมูลสำหรับ User ID:", id)
}
if err := rows.Err(); err != nil {
log.Fatal(err)
}
}
2. การทำงานกับไฟล์ขนาดใหญ่
เมื่อเราต้องการอ่านไฟล์ขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถโหลดลงหน่วยความจำพร้อมๆ กันได้ในคราวเดียว, loop ช่วยให้เราสามารถอ่านไฟล์ได้ทีละส่วนๆ:
package main
import (
"bufio"
"fmt"
"os"
)
func main() {
file, err := os.Open("largefile.txt")
if err != nil {
log.Fatal(err)
}
defer file.Close()
// สร้าง Scanner ที่จะอ่านไฟล์ทีละแถว
scanner := bufio.NewScanner(file)
for scanner.Scan() { // ทุกครั้งที่มีข้อมูลก็จะวนรอบ
line := scanner.Text()
fmt.Println(line)
// ทำการประมวลผลแถวที่ละแถวตามต้องการ
}
if err := scanner.Err(); err != nil {
log.Fatal(err)
}
}
จาก use case ทั้งสองนี้ ทำให้เราเห็นว่าการใช้ loop ใน Golang นั้นกว้างขวางและมีความสามารถมาก ทั้งนี้การเรียนรู้การเขียนโปรแกรมมีคุณค่าอย่างไม่มีลิมิต เพราะมันจะล็อกกลไกคิดของเราให้เราสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ไม่เพียงแค่ในโลกไซเบอร์ แต่ยังใช้ได้หลากหลายในโลกจริง
อย่างไรก็ตาม หากคุณอยากรู้จักกับ Loop ให้มากกว่านี้และฝึกฝนในการใช้ loop ในภาษาอื่น ๆ รวมถึงการแกะปัญหาต่าง ๆ ด้วยการเขียนโค้ด EPT (Expert-Programming-Tutor) พร้อมเป็นผู้นำทางคุณในการเรียนรู้เส้นทางของโลกแห่งการเขียนโปรแกรมครับ ที่ EPT คุณจะได้พบกับหลักสูตรที่กำหนดให้ตรงกับความต้องการและระดับของคุณเอง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณจะได้ฝึกทักษะนี้จนเป็นเนื้อเป็นหนัง พร้อมสำหรับการใช้งานจริงในอนาคต!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: loop การวนรอบ golang for_loop โปรแกรม ภาษา_go การเขียนโปรแกรม การใช้งาน_loop อัพเดทข้อมูล การจัดการข้อมูล การทำงานกับไฟล์ อ่านไฟล์ขนาดใหญ่ programming database_management file_handling
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com