ท่านผู้อ่านที่รัก,
ในโลกที่ข้อมูลมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดและทวีคูณ คอมพิวเตอร์และอัลกอริทึมต่างๆ ก็ต้องมีการพัฒนาเพื่อรับมือกับประเด็นเช่นว่านี้ หนึ่งในอัลกอริทึมที่มีความสำคัญในการประหยัดเวลาประมวลผลก็คือ "Memorization" หรือ "การคงจำ" ในทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่นักพัฒนาที่ใช้ภาษา Go หรือ Golang เนื่องจากความเรียบง่ายและประสิทธิภาพสูง วันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจว่า Memorization คืออะไร และใช้แก้ปัญหาอะไรบ้าง พร้อมยกตัวอย่างโค้ดใน Golang และวิเคราะห์ความซับซ้อนรวมถึงข้อดีข้อเสียของมัน
Memorization เป็นหลักการเขียนโค้ดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บผลลัพธ์ของฟังก์ชันที่มีการคำนวณแล้วเอาไว้ โดยผลลัพธ์นั้นจะถูกเก็บไว้ในสตอเรจหรือหน่วยความจำ จากนั้นหากมีการเรียกใช้ฟังก์ชันเดิมด้วยอาร์กิวเมนต์เดิม ก็สามารถดึงผลลัพธ์ที่คำนวณไว้แล้วมาใช้ทันทีโดยไม่ต้องคำนวณซ้ำ อัลกอริทึมนี้ลดเวลาในการประมวลผลได้มาก โดยเฉพาะกับฟังก์ชันที่มีค่าในการคำนวณสูง นับเป็นวิธีที่นิยมสำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพ (Performance Optimization) ในการเขียนโปรแกรม
เรามาดูตัวอย่างง่ายๆ อย่างการคำนวณ Fibonacci ที่ใช้การคิดแบบ recursive และเพิ่ม Memorization ด้วย Golang:
package main
import "fmt"
var memo = make(map[int]int)
func fibonacci(n int) int {
if n <= 1 {
return n
}
// Check if result is in memo map
if val, found := memo[n]; found {
return val
}
// Compute and memoize the result
result := fibonacci(n-1) + fibonacci(n-2)
memo[n] = result
return result
}
func main() {
fmt.Printf("Fibonacci(10): %d\n", fibonacci(10))
}
ในตัวอย่างข้างต้นนี้ เราสร้าง `map` ที่ชื่อว่า `memo` ในภาษา Golang เพื่อเก็บค่า Fibonacci ที่ได้คำนวณไว้ ทำให้เมื่อเรียกใช้ฟังก์ชัน `fibonacci` ซ้ำๆ กับอาร์กิวเมนต์ชุดเดียวกัน, ค่าที่เคยคำนวณไว้จะถูกนำกลับมาใช้โดยตรงไม่ต้องผ่านการคำนวณใหม่
Memorization มักใช้กับปัญหาที่มีลักษณะที่เรียกว่า "Overlapping Subproblems" เช่น การทำ Dynamic Programming ซึ่งถือว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกับ Memorization ในโลกจริง อัลกอริทึมนี้สามารถนำมาใช้เพื่อการคำนวณค่าที่ต้องการในการทำนายผลในระบบ Machine Learning, การคำนวณ Route ที่สั้นที่สุดในการวางแผนเดินทาง, หรือแม้แต่ในการแก้ไข Optimization Problems ที่ต้องการความเร็วในการประมวลผล
สุดท้ายนี้ เรามาวิเคราะห์ความซับซ้อน (Complexity) ของอัลกอริทึม Memorization หากใช้กับ Fibonacci Sequence โดยไม่ใช้ Memorization จะมี Time Complexity เป็น O(2^n) ซึ่งใช้เวลานานมากในการคำนวณเมื่อ n บวกขึ้น แต่เมื่อใส่ Memorization เข้าไปจะช่วยลด Time Complexity ลงเป็น O(n) ทำให้ใช้เวลาน้อยลงอย่างมาก
ข้อดีของ Memorization คือลดเวลาในการประมวลผลลงได้มาก เหมาะกับปัญหาที่มีการใช้ฟังก์ชันเดิมๆ หลายๆ ครั้ง ข้อเสียคือการใช้งานหน่วยความจำเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้องเก็บค่านี้ไว้
ในการเลือกศึกษาร่วมกับ EPT (Expert-Programming-Tutor) เราจะแนะนำการใช้งานอัลกอริทึมที่เหมาะสมกับปัญหาที่คุณพบเจอ และช่วยเพิ่มทักษะการเขียนโค้ดของคุณให้เป็นชั้นเชิงมากยิ่งขึ้น ในโลกที่เต็มไปด้วยตัวเลขและข้อมูล เรียนรู้การเขียนโปรแกรมกับ EPT จะเป็นโอกาสในการสร้างสรรค์โลกอนาคตของคุณเอง!
พบกันใหม่ในบทความหน้า ความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมไม่มีสิ้นสุด และเราที่ EPT พร้อมที่จะเป็นมืออาชีพในการแนะนำการเรียนรู้ที่ไม่มีจุดสิ้นสุดนี้ให้กับคุณ!
จนกว่าจะพบกันใหม่
---
หากต้องการที่จะเขียนโค้ดด้วยความเข้าใจและความชำนาญ และจะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมไปได้ไกล ติดต่อเราที่ EPT โรงเรียนสอนการเขียนโปรแกรมที่จะพัฒนาศักยภาพของคุณให้สูงสุด!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: memorization algorithm dynamic_programming golang programming performance_optimization fibonacci time_complexity complexity_analysis expert-programming-tutor machine_learning route_optimization programming_skills overlapping_subproblems optimization_problems
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM