ไม่ต้องกลัวครับ ผมเข้าใจว่า บางครั้งการเรียนในมหาวิทยาลัยจะค่อนข้างเร็ว และอาจารย์ อาจจะต้องดูและนร. หลายคน และเวลาเรียนมีน้อย ทำให้บางครั้งอาจารย์ดูแลไม่ทั่วถึงครับ การเรียน กับ เรา EPT จะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปทีละ step ไม่ข้ามขั้น การเรียนของเราจะเป็นแบบเน้นลงมือปฏิบัติ ถ้าไม่เข้าใจสามารถ ถามคุณครูที่สอนได้ และ การเรียนของเราเป็นการเรียน แบบ private ไม่ได้ยุ่งกับผู้เรียนคนอื่น จึงไม่ต้องกลัวหรือ เกรงใจ นร. ท่านอื่น ถ้าเราต้องการจะไปช้า หรือ ไปเร็วกว่าปกติครับ จะขึ้นอยู่กับผู้เรียนเป็นหลักครับ

เรียนออนไลน์กับเราดีกว่าเรียนออนไลน์ที่อื่นอย่างไร

1. สอนตั้งแต่เบื้องต้นโดยละเอียด เนื้อหายาวกว่าใคร
2. มีระบบตรวจการบ้าน แบบอัตโนมัติสามารถส่งออนไลน์ได้เลย และมีการบ้านให้ทำว่า 700 ข้อ
3. มีโปรเจคให้ทำ มีระบบประเมิณ มีครูที่ปรึกษา ในกรณีที่ต้องการรู้เรื่องอื่นๆเพิ่มเติม
4. มีคนให้ถาม
5. ถ้างงสามารถมาสอบถามที่อาคารของเราที่ราชเทวีได้ อาคารอยู่ติดรถไฟฟ้าเดินทางสะดวก
6. เน้นสอนแบบการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ไม่ใช่การเรียนเพื่อให้ทำจบๆไปเป็นงานๆ แต่ให้ประยุกติ์ได้และคิดเองได้อย่างแท้จริง
7. มีระบบประเมิณที่เข้มข้นถ้าเรียนจบ ทำการบ้านครบ ส่งโปรเจ็คครบ ถึงจะได้ และด้วยชื่อเสียงของ EPT ทำให้ใบรับรองของเราน่าเชื่อถือ
8. สำหรับนักเรียนที่เรียนจบผ่านเกณฑ์ใน บาง Course จะมีการช่วยหางานทำด้วย

นอกจากนี้ เรายังมีงานอื่น (เขียนโปรแกรม) ที่เราทำเป็นอาชีพครับ
เราไม่เชื่อว่าคนที่สอนอย่างเดียวจะมีความรู้แบบลงลึกครับ การทำงานอื่นๆของเราก็เพื่อเป็นการสร้าง ความรู้และเก็บ skill ของผู้สอนครับ
และเนื่องจาก เราต้อง update ตัวเองให้ตามโลกตลอดเวลาจึงขอเวลาปิดโรงเรียนเพื่อสร้าง course ใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ และปรับปรุง course เดิมให้ทันสมัยครับ

ถ้ามีพื้นฐานคณิตศาสตร์ ม. ต้น ม. ปลาย เราเชื่อว่า ทุกคนสามารถ เรียน course ของเรา ได้เข้าใจ ในเวลาที่กำหนด แน่นอน ไม่จำเป็นต้องเพิ่มรอบ
ทาง EPT เคยมีนักเรียนที่เป็น เด็ก ออทิสติก ก็ยังสามารถ เรียนได้ ไม่มีใครหัวช้าเกินไป ครับ ซึ่งแน่นอน เด็ก ออทิสติก คนนั้น ที่เราเคยสอน ก็เป็นเด็ก ที่มีความรู้ด้านคณิตศาสตร์ ครับ

ถ้ามีพื้นฐานคณิตศาสตร์ ม. ต้น ม. ปลาย เราเชื่อว่า ทุกคนสามารถ เรียน course ของเรา ได้เข้าใจ ในเวลาที่กำหนด แน่นอน ไม่จำเป็นต้องเพิ่มรอบ

ทาง EPT เคยมีนักเรียนที่เป็น เด็ก ออทิสติก ก็ยังสามารถ เรียนได้ ไม่มีใครหัวช้าเกินไป ครับ ซึ่งแน่นอน เด็ก ออทิสติก คนนั้น ที่เราเคยสอน ก็เป็นเด็ก ที่มีความรู้ด้านคณิตศาสตร์ ครับ

ถ้าจำคณิตศาสตร์ ม. ต้น ม. ปลาย ไม่ได้ คุณ จะเรียนซ้ำไป 5 รอบ ก็จะงง อยู่ดี

และนอกจากนี้ ทางเรายังเผื่อเวลา แต่ละ course 20% อยู่ แล้ว ถ้างง สงสัย สามารถ มาเรียน ซ้ำได้ใน เวลาที่กำหนด เช่น course J104 เรียนจริง 20 ครั้ง ทางเราเผื่อเวลาไว้ ให้ 24 ครั้ง อยู่แล้วครับ

ทางเราแนะนำว่า ถ้างง ให้เรียนซ้ำเป็นเรื่องๆ เลยในทันทีอย่ารอ ให้จบ course แล้วมาเรียนเพราะว่า แบบนั้นจะงง แน่นอน

ที่อื่น อาจจะสอนไม่ได้คุณภาพครับ แต่ทางเรามั่นใจในระบบการสอน ถ้าท่าน มีพื้นฐานคณิตศาสต์ มีพื้นฐาน ภาษา อังกฤษ มี พื้นฐานการใช้ computer เบื้องต้น มีเวลามาเรียนต่อเนื่องสม่ำเสมอ (สัปดาห์ละ 2 ครั้งขึ้นไป) มีเวลาทำการบ้าน เรามั่นใจว่าท่านจะเรียนเข้าใจครับ โดยไม่ต้องเรียนซ้ำแต่อย่างใด และ ที่อื่น ที่ โฆษณาว่า เรียนซ้ำได้ ท่านต้องเข้าใจ ว่า ไม่ใช่ เค้าจะให้ท่านเรียนซ้ำได้ ทันที ท่านต้องรอรอบ รอให้ คนใน รอบ ปกติ ไม่ใช่นักเรียนเรียนซ้ำ เต็มตามที่เค้ากำหนด ท่านถึงจะเรียนได้ และ บางครั้งเค้าก็ให้ท่าน ไปเรียนซ้ำสาขาที่อยู่ไกล ๆ จากที่ท่าน อาศัยอยู่

ถ้าต้องการเรียนซ้ำจริงๆ แบบ ซ้ำใหม่ทั้ง course ขอความกรุณา จ่ายเงินเพิ่ม ทาง เราจะมีส่วนลดให้เป็นพิเศษ สำหรับบางท่าน

อายุ 12 ปีขึ้นไป หรือ ประมาณ ม. 2 ครับ เด็กควรจะมีความสนใจ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือ คณิตศาสตร์ ครับ นอกจากนี้เรายังมี course สำหรับ นร. สอวน. ด้วย

course ของเราเป็น course สำหรับเด็กมหาวิทยาลัย และมัธยมปลายเป็นหลัก ถ้าเป็นเด็กๆ ต้องมีความชอบและสนใจคณิตศาสตร์ ถ้าไม่ชอบเลข เรียนเขียนกับเราไปจะปวดตับ แน่นอน

สำหรับผู้เรียนที่จำเป็นต้องรีบเรียนให้จบภายในเวลาที่จำกัดสามารถทำได้ แต่ นร. ต้องมีเวลาทบทวนและทำแบบฝึกหัดตาม course ของเรา ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของผู้เรียนเอง
เราแนะนำว่าควรจะมีเวลาทำการบ้านและทบทวนเนื้อหา เพราะ สิ่งที่เรียนเป็นเนื้อหาใหม่สำหรับ นร. บางท่านที่ไม่เคยเรียนเขียนโปรแกรมมาก่อน มันจะหนักเกินไป course ของเราเป็น course ที่เทียบเท่ากับบทเรียนที่เรียนในมหาวิทยาลัย ทั้งเทอม หรือทั้งปี การมาเรียนแบบอัดๆ จะแน่นเกินไปครับ
และการเขียนโปรแกรมเป็นการเรียนที่ต้องใช้ทักษะการฝึกฝน ซึ่งผู้เรียนบางท่าน อาจจะต้องใช้เวลาน้อยหรือมากแตกต่างกันไป
แต่ถ้าผู้เรียนไม่มีเวลาจริงๆ ก็ได้ นอกจากนี้ การเรียนเยอะเกินไปยังทำให้ง่วง และอัตราการจำได้ลดลง
แต่ถ้าผู้เรียนอยากเรียน 2 รอบเช้าบ่ายจริงๆ ก็สามารถเรียนได้ แต่ก็ ต้อง Take your own risk ว่าจะเรียนไม่รู้เรื่องเอง และเราขอสงวน สิทธิ์ ในการตอบคำถามบาง ประเภท สำหรับ นักเรียนที่เรียน เช้าบ่าย

ผมขอยกคำตอบของ Dr. Supasate Choochaisri มาดังนี้นะครับ

ผมว่ามันเป็นลำดับขั้นของการเรียนรู้นะครับ (ขอสมมติตัวอย่างภาษาที่เป็นกลุ่มเดียวกัน เช่น procedural เหมือนกัน ไม่นับที่แนวคิดแตกต่างชัดเจน เช่น พวก functional หรือ logic programming)
1. เริ่มเรียนภาษาแรก รู้สึกว่าภาษาอื่นน่าจะแตกต่างกันมาก เขียนหลายภาษายากแน่เลย
2. เริ่มเขียนได้ 3-4 ภาษา ในแต่ละวิชาเรียนหรือโปรเจคระยะสั้น รู้สึกว่าแต่ละภาษามันก็คล้ายๆ เหมือนๆกันนะ
3. พอได้ศึกษาลึกๆลงไป แกะดูกระบวนการทำงานเบื้องหลัง หรือใช้เวลาคลุกคลีกับแต่ละภาษานานขึ้นก็จะรู้สึกว่าแต่ละภาษาแตกต่างกันมากอีกรอบ (ยกตัวอย่าง เช่น การเขียน recursive ของ python กับ c ซึ่ง python ไม่มีการทำ tail recusion optimization เป็นต้น ยังมีประเด็นอื่นอีกมากมาย)

อยู่ที่ว่าคนพูดได้สัมผัสประสบการณ์ไปถึงระดับไหน เค้าอาจไม่ได้ตั้งใจสร้างค่านิยมที่ผิดก็ได้ครับ

เน้นฝึกคิดทำโจทย์ และเรียนโดยการเน้นลงมือปฏิบัติ ครับ

เรียนกับทางเราต้องเผื่อเวลาไว้ทำการบ้าน และทบทวน 2-3 ชั่วโมง ต่อการเรียน 1 ครั้งครับ

computer core i5 เป็นต้นไป ไม่มี virus ยังไงก็ใช้ได้ครับ

ที่ EPT course ที่เราเรียกว่า course พื้นฐานจะ advance กว่าเรียนที่อื่นค่อนข้างมากแน่นอนครับ

ไม่จริงครับ โจทย์ของเราเป็นมาตรฐานระดับสากล ซึ่งจะมีการเรียงลำดับจากง่ายไปหายากอยู่แล้วสำหรับผู้เรียนหลายระดับ เนื่องจากเราต้องการให้ผู้เรียนได้ทำโจทย์ที่อยู่ในระดับมาตรฐานสากล ตามมหาลัยต่างๆในต่างประเทศ จึงอาจจะมีผู้เรียนบางท่านรู้สึกว่ายากกว่าที่เคยเรียนมาครับ โจทย์ง่ายเพื่อให้ผู้เรียนมั่นใจ และ เน้นย้ำเรื่องต่างๆที่ได้เรียนมาแล้ว โจทย์ยากเพื่อท้าทายความสามารถและเพิ่มความสามารถของสมอง

ทางเราเรียงลำดับจากง่ายไปยากอยู่แล้วครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะทำไม่ได้

เรื่องโจทย์โอลิมปิควิชาการคอมพิวเตอร์ จริงๆแล้วถ้าเราจะเป็นโปรแกรมเมอร์ระดับโลกก็ควรจะต้องทำได้ครับ เพราะการแข่งขัน โอลิมปิกวิชาการ( http://www.ioinformatics.org/index.shtml ) เป็นการแข่งขันระดับมัธยมศึกษาของทั่วโลกครับ ถ้าจะเป็นโปรแกรมเมอร์ระดับโลก ก็ควรจะต้องทำโจทย์ที่เด็กๆเค้าทำได้จริงไหมครับ

นอกจากนี้เรายังมีสอน course สำหรับเตรียมตัวเพื่อเข้าค่ายแข่งขัน สอวน. ด้วยครับ

ที่ EPT เรามี course แบบ SELF ซึ่งเกือบจะเป็นการเรียนแบบตัวต่อตัวอยู่แล้ว ดูรายละเอียดได้ที่ https://expert-programming-tutor.com/course_self.php

แนะนำว่าต้องค่อยๆคิดค่อยๆหาเวลาทำครับ จะเขียน web รวยแบบ mark zuckerberge อย่างน้อยต้องทำโจทย์ ที่เด็กๆ ม. 3 ม. 4 ทำได้ก่อนถูกไหมครับ NASA จะส่ง Apollo ไปลงดวงจันทร์ สำเร็จ NASA ทำโครงการ Gemini มาก่อน และในโครงการ Apollo เอง ก่อน จะส่งคนไปลงดวงจันทร์ ใน Apollo 11 NASA ส่ง ยานไร้มนุษย์เพื่อทำการทดลองและเรียนรู้ ไป ถึง 10 ครั้ง

https://expert-programming-tutor.com/about_us.php

เริ่มเรียนเขียนโปรแกรมอะไรก่อนดีกดตรงนี้

มีครับสามารถดูรายละเอียดได้ที่
รายละเอียด COURSE ONLINE
เรียนเขียนโปรแกรม Online

ต้องขอทำความเข้าใจว่า เราไม่ได้ตามกระแส เหมือนที่อื่นๆ ว่าเรียนจบแล้วจะมีให้เลย กฏของเราคือ ถ้ามาเรียนต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทำการบ้าน ทุกข้อ ทำโปรเจ็คมาส่ง เราจะออก Certification ให้ครับ เพื่อให้มั่นใจถึงคุณภาพที่แท้จริง และเมื่อใครๆเห็น Certification จาก EPT ขอให้แน่ใจได้เลยว่า คนที่ถือ Certification นั้นมีคุณภาพจริงๆ

ผมกำลังจะครบ 10,000 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าครับ

แนะนำให้เรียนเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์

ฝึกและฝึกเยอะๆครับ

กลางๆครับ

ฝั่งตรงข้ามตรง cocowalk ค่าจอดช่วโมงละ 10 บาท
หรือโทรแจ้งล่วงหน้าว่าจะมาก่อน สักประมาณ 48 hrs แล้วนำมาจอดด้านหน้าอาคารของเราได้เลย ไม่เสียค่าใช้จ่ายครับ

ถ้ามีพื้นฐานคณิตศาสตร์ / มีพื้นฐานภาษาอังกฤษ มีเวลามาเรียนสม่ำเสมอ มีเวลาทำการบ้าน ถ้ามี 4 เรื่องนี้โดยส่วนใหญ่ที่มาเรียนเป็นแน่นอนครับ

อะไรก่อนก็ได้ตามด้านล่าง

1. JAVA J103 , J104
2. C# CS101 , CS102
3. VB.NET VB101, VB102
4. C C101
5. Python Python

course ของเราหลาย course เช่น JAVA C# VB.NET C ถูกออกแบบมาสำหรับคนที่เขียนโปรแกรมไม่เป็นอยู่แล้ว หรือเป็นนิดหน่อย หรือเป็นแบบเยอะๆแล้วก็ได้ ไม่ต้องห่วงครับ แต่ยังไงก็ตามผู้เรียน ควรต้องมีพื้นฐานต่างๆ ดังต่อไปนี้

ขั้นต้น สำหรับโปรแกรมเมอร์โดยทั่วไป

1. สามารถใช้ computer พื้นฐานได้
2. มีความสามารถทางภาษาอังกฤษบ้าง โดยควรอ่านบทความและ ref. ต่างๆ ได้
3. สามารถใช้ คณิตศาสตร์ ระดับประถมศึกษาได้ดี
4. สามารถใช้ คณิตศาสตร์ ระดับมัธยมต้นศึกษาพอได้
5. สามารถจำบทเรียนต่างๆใน คณิตศาสตร์ ระดับมัธยมตอนปลายได้บ้าง

ที่แนะนำ สำหรับคนที่อยากจะเป็นเทพ

1. สามารถใช้ computer พื้นฐานได้
2. มีความสามารถทางภาษาอังกฤษ โดยต้องอ่านบทความและ ref. ต่างๆ ได้
3. สามารถใช้ และ จำ คณิตศาสตร์ ระดับ ม.ต้นและ ม.ปลายได้ทุกเรื่อง
4. มีเวลามาเรียนต่อเนื่องสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 2-5 วันต่อเนื่องจนจบ course
5. มีเวลาทำการบ้าน และทบทวน เรียน 1 ครั้ง ขอเวลาทำการบ้านและทบทวน อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง

เชิญชมคำตอบได้จาก ใน VDO ที่ทางเราทำขึ้นมาเลยครับ

เชิญชมคำตอบได้จาก ใน VDO ที่ทางเราทำขึ้นมาเลยครับ

ต่างครับ ต่างมากๆดังนี้

1. ถ้านักเรียน งง สงสัย มีคนให้ถาม
2. เป็นการเรียนแบบละเอียด ลงลึก กว่า ใน net แน่นอน
3. ทาง เราสอนเข้าใจง่าย กว่าใน net แน่นอน
4. เราทาง EPT มั่นใจว่า สอนลึกและเยอะว่า web ที่มีการสอน เขียนโปรแกรมทั้ง free และไม่ free ทั้ง ภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ
5. รวบรวมการเรียนเป็นขั้นตอนเป็นหมวดหมู่ ตามลำดับ ไม่ต้องไปงมเอง ซึ่งใน net VDO สอนต่างๆ ไม่ละเอียดและกระจัดกระจาย
6. update course ใหม่ เสมอๆ และ ก่อนจะสอนนอกจากใช้ ประสบการณ์ของผู้สอน แล้วเรา review และทำ research เฉพาะเรื่อง ค่อนข้างมากจนแน่ในว่า วิธีที่สอนเป็นวิธีที่ดีที่สุด
   เราทราบว่า เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เรายอมเหนื่อยเพื่อให้นักเรียนสบาย วิธีการต่างๆ ที่ดีในวันนี้ วันพรุ่งนี้ อาจจะมีคนคิดวิธีใหม่ๆ ที่ดีๆ ออกมา ซึ่งทาง expert-programming-tutor.com ลงแรงลงเวลา ในการ แก้ไขปรับปรุง course ของเราตลอดเวลา
   หลายๆครั้ง VDO ที่สอน ใน net ใช้วิธีที่ deprecated ไปแล้ว คำถามคือ ถ้านร. บอกว่า เรียนทาง net ก็ได้ ท่านจะรู้ได้ไงว่า อะไรดีที่สุด ?
   
   ยกตัวอย่างง่ายๆ มี web สอน PHP โดยใช้ เทคโนโลยีเก่า (มาก) แบบนี้ นร. ที่ไม่มี ประสบการณ์ในการเขียนโปรแกรม เรียนไปก็จะไม่รู้ว่า ที่ถูกต้องคืออะไร แต่การเรียนกับเรา เราสอนแบบวิทยาศาสตร์ คือเป็นเหตุเป็นผล เป็นกระบวนการ นร. ไม่จำเป็น ต้องเรียนกับเราไปตลอด เรียนกับเราคุณจะคิดเป็น สามารถ ทวนสอบ (verify) ได้ว่า อะไรถูกอะไรผิด หาข้อมูลต่อไปเองได้ คิดเองได้ (ถ้ามีพื้นฐานคณิตศาสตร์/ภาษาอังกฤษ ก่อนมาเรียน และ ทำการบ้านสม่ำเสมอนะครับ)
7. เรามั่นใจ และอยากให้ท่าน เรียนกับเรา และ เรียนใน net และ ลองเปรียบเทียบกันดูครับ

ผมว่า ปกติบุคคล ก็ต้องเข้าใจว่า ไม่สามารถ copy VDO ไปดูที่บ้านได้ มนุษย์ ปกติ ธรรมดา โดยทั่วไปก็ต้องทราบว่า ใน โรงภาพยนต์ ที่เรียนพิเศษ เคมีอาจารย์ อุ๊ ,we by the brain , อาจารย์ เผ่า อาจารย์ ช่วง , อาจารย์ ปิง อาจารย์ พี่แนน ทุกที่ ห้าม copy VDO ห้ามอัดเสียง ห้าม เอากล้องมาตั้ง ถ่าย ห้ามเอาอุปกรณ์ใดๆ มาบันทึก ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ใดๆทั้งสิ้น ทางเราก็เช่นเดียวกัน
ดังนั้นกรุณาอย่าเกรียนครับ

ได้ครับ กรุณาโทรนัดหมายเวลาก่อนเข้ามาทดลองเรียนที่อาคารของเรา และเตรียมบัตรประจำตัวประชาชนมาด้วยนะครับ

สำหรับคอร์สออนไลน์ก็มีทดลองเรียนฟรีเช่นกัน ขอให้ลงทะเบียน (Register) ผ่านหน้าเว็บ Elearn จากนั้นติดต่อเจ้าหน้าที่ของเราผ่านทางกล่องข้อความในหน้าเพจ Facebook
โดยต้องแจ้งรายละเอียดดังนี้

1. ชื่อ-นามสกุลของผู้เรียน
2. email ของผู้เรียนที่ใช้ในการลงทะเบียนเว็บ https://elearn.expert-programming-tutor.com/
3. แจ้งว่า "ขอ Promotion Code ลดราคา 100% เพื่อซื้อคอร์ส Intro to Expert Programming"

ไม่ใช่ 7-eleven นะครับจะได้เปิด 24 ชั่วโมง :) เรามีวันปิดเพื่อปรับปรุง course เดิมและผลิตสื่อการสอนออกมาเรื่อยๆครับ โดยเราจะเลือกช่วงเวลาที่คิดว่ามีคนเรียนน้อยอยู่แล้วครับ สำหรับ อยากทราบว่าปิดวันไหนบ้าง โทรหาเราที่ 0853507540

อาชีพโปรแกรมเมอร์เป็นอาชีพที่รายได้สูงมากในปัจจุบัน ครับ

เราเชื่อว่า ด้วยคุณภาพการสอนระดับนี้ .สถานที่ตั้งสะดวกใกล้รถไฟฟ้า ,การ update course ให้ทันสมัย (เรา update ใหม่แทบจะทุกสัปดาห์) และ profile คนสอน เราสอนถูกที่สุดในประเทศไทยแน่นอน นอกจากนี้เรายังมี course เรียนฟรีสำหรับผู้มีรายได้น้อยด้วย course เรียนฟรีกดตรงนี้

บางท่านอาจจะคิดว่าแพง คือต้องอธิบายว่า เราทำนี่แทบจะการกุศลอยู่แล้ว คุณต้องคิดว่า เรามีบางเดือนที่ขาด ทุน

การศึกษาคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเท่าที่มีครับ

สุดท้ายสำหรับเรื่องนี้ขอฝากข้อคิดจาก Derek Bok former president of Harvard University
"If you think education is expensive, try ignorance."

เราเชื่อว่า ทุกๆคนสามารถเขียน code ได้ ครับ

เราเชื่อในระบบการสอนของเรา เพราะว่าผม(ผู้สอน) review การสอนเขียนโปรแกรมทั้งมหาวิทยาลัยในไทย และต่างประเทศ มาเยอะมาก ผมเชื่อว่า วิธีที่ผมสอน เป็นวิธีที่มีมาตรฐาน และสามารถทำให้คนเรียน เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว ถ้ามีคนถามผมว่า หุ้นจะขึ้นหรือลง ผมจะบอกว่า ไม่รู้ แต่ถ้าถามว่า วิธีการเรียนเขียนโปรแกรมแบบไหนเป็นยังไง ผมตอบได้เป็นฉากๆ แน่นอน

แบบฝึกหัดและการบ้านส่วนใหญ่จะส่งผ่านโปรแกรมตรวจการบ้าน (EPT_LAB) ส่วนแบบฝึกหัดเสริม ข้อสอบ โปรเจกต์ย่อย และโปรเจกต์จบ ให้ส่งผ่านอีเมล์ ntprintf@gmail.com หรือมาส่งกับคุณครู / ครูผู้ช่วยที่อาคารของเราครับ ในกรณีที่เป็นวันที่ไม่ได้จองเวลาเรียนไว้ก่อนเข้ามากรุณาโทรนัดหมายเวลาก่อนนะครับ

มีนักเรียนหลายท่านถามผมบ่อยๆว่า อยากเป็นโปรแกรมเมอร์ที่ดี ต้องรู้อะไรบ้าง ต่อไปนี้เป็น รายการของ วิชา ที่เกี่ยวข้องกับการเป็นโปรแกรมเมอร์ที่ดี ที่เรียนกันในมหาวิทยาลัย 4 ปี ทั้งนี้ในต่างมหาวิทยาลัยกันจะไม่เหมือนกัน แต่โดยทั่วไปก็จะมีโครงสร้างใกล้เคียงกันดังต่อไปนี้

1. การเขียนโปรแกรมพื้นฐาน เป็นพื้นฐานของภาษา Computer ทั้งหมดเป็นแนวคิดพื้นฐานของการเขียนโปรแกรม ทำให้รู้หลักการทำงานของ Computer เนื้อหาจะประกอบด้วย
2. การเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา เป็นการประยุกต์ใช้ พื้นฐานของการเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เนื้อหาจะประกอบด้วย
3. ภินทนคณิตศาสตร์ (Discrete Mathematics) เป็นวิชาคณิตศาสตร์ ที่ใช้บ่อยๆในทาง Computer เนื้อหาจะประกอบด้วย
4. Data Structure โครงสร้างข้อมูล เป็นวิชาที่ว่าด้วยการเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการใช้งานด้านต่างๆ วิชานี้สำคัญอย่างมากถึงประสิทธิภาพการทำงานของของ Computer เนื้อหาจะประกอบด้วย
5. Algorithm Algorithm หมายถึงกระบวนการแก้ปัญหาที่สามารถเข้าใจได้ มีลำดับหรือวิธีการในการแก้ไขปัญหาใดปัญหาหนึง อย่างเป็นขั้นเป็นตอนและชัดเจน เมื่อนำเข้าอะไร แล้วจะต้องได้ผลลัพธ์เช่นไร การเรียนวิชานี้จะเป็นการเรียนปัญหามาตรฐานที่มีคนเสนอทางแก้ไว้อยู่แล้ว เมื่อเรียนจบแล้วจะทำให้สามารถนำตัวอย่างปัญหาที่เรียนไปปรับใช้ได้ นอกจากนี้ยังเรียนประเภทของปัญหาต่างๆ เรียนการวัดประสิทธิภาพของ Alogorithm เนื้อหาจะประกอบด้วย
6. Database เป็นวิชาที่ว่าด้วย การ ออกแบบ Database ที่ดี และการใช้งาน Database อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งใน เชิง เวลา และ พื้นที่เก็บข้อมูล เนื้อหาจะประกอบด้วย
7. Computer Network เป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับการรับส่งข้อมูล ของ Computer หลายๆเครื่อง ในปัจจุบันน้อยมากที่งานทางด้านระบบคอมพิวเตอร์จะไม่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่อง การรู้วิชานี้จะทำให้เราสามารถเขียนโปรแกรม ติดต่อกันหลายๆเครื่องง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีเนื้อหา ที่เกี่ยวข้องและใช้บ่อยๆเช่น WEB SERVICE เป็นต้น
8. AI เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ปัญญาประดิษฐ์ เนื้อหาจะประกอบด้วย
9. Computer Graphics เป็น เรื่องเกี่ยวกับ การสร้างรูป 2D 3D ในคอมพิวเตอร์ให้สวยงามดูน่าใช้ โดยการเขียนโปรแกรมลงไปควบคุม และเกี่ยวข้องกับการสร้างภาพ Animation ใน Computer จะมีการเรียน Ray tracing การ Projection Transform และอื่นๆ เนื้อหาจะประกอบด้วย
10. System Analysis เป็น วิชาที่เกี่ยวกับการออกแบบ และวิเคราะห์ระบบใหญ่ๆ การเก็บ requirement การ วิเคราะห์และออกแบบระบบ เนื้อหาจะประกอบด้วย
11. Software Engineering การออกแบบระบบ คล้ายๆกับ System Analysis แต่จะเรียนลึกยิ่งขึ้นถึงกลวิธีต่างๆ เนื้อหาจะประกอบด้วย
    
    

ได้ครับ

คุณไม่จำเป็นต้องชอบคณิตศาสตร์ครับ แต่จำเป็นต้องรู้

ได้ครับ แต่ผู้เรียนจะต้องใช้ความพยายามเพิ่มนิดหน่อย เพราะการเขียนโปรแกรมเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ ใน course ของเรา Expert-programming-tutor.com ก็จะมีพูดอธิบายเรื่องคณิตศาสตร์ ในบางหัวข้อ เป็น การทบทวนความรู้อยู่ก่อนเริ่มเรียนอยู่แล้ว ซึ่งความรู้คณิตศาสตร์ส่วนใหญ่ผู้เรียนก็เคยผ่ามมาแล้วใน ม. ต้น

นอกจากนี้เรายังเคยมีผู้เรียนจากคณะอักษรศาสตร์มาเรียน (ไม่ได้จบ ม.ปลายสายวิทย์)
ซึ่งก็สามารถเรียนได้เป็นอย่างดีไม่ต้องกลัวครับ

ผู้เรียนก็ต้องใส่ความพยายามความตั้งใจในการเรียนเพิ่มขึ้นครับ
"Where there's a will, there's a way."

ก่อนอื่น เราก็ต้องเข้าใจก่อนว่า คณิตศาสตร์ นอกจากจะเกี่ยวกับการเขียน code แล้ว ยังเกี่ยวกับส่วนอื่นๆ ของการทำธุรกิจค่อนข้างมาก เช่นเรื่องการคำนวณ ต้นทุน กำไร การประเมิณ ความเสี่ยง การวิเคราะห์ feasibility ซึ่งธุรกิจจะสำเร็จหรือไม่ ก็อยู่ที่ การวางแผน และ model ครับ

คนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ ที่เกี่ยวกับการเขียน code เช่น Mark Zuckerberge , Larry Page , Sergey Brin ,Bill Gate , Steve Job , Warren Buffett , Jack ma บุคคลเหล่านี้ มักจะทำได้ดีในเรื่องคณิตศาสตร์
ซึ่งความเก่งคณิตศาสตร์ สามารถพัฒนากันได้
และเรากำลังพูดถึงคณิตศาสตร์ พื้นฐานไม่ใช่คณิตศาสตร์ยากๆ แบบที่เรียนกันบางเรื่องครับ ดังนั้น ไม่ต้องกลัว

คุณไม่จำเป็นต้องชอบคณิตศาสตร์ครับ
แต่ถ้าชอบจะดีครับ
อ่าน 2 บทความนี้เพิ่มเติม ทำไมวิชาคณิตศาสตร์ ถึงสำคัญต่อการเรียนเขียนโปรแกรม
3 เหตุผลว่าทำไม่อยากเขียนเกมต้องตั้งใจเรียนคณิตศาสตร์(ตอนที่ 1)

อ่าน บทความนี้ครับ อยากเขียน App ให้รวยๆ แบบ Instragram : +++ Rome is not build in a day +++


เชิญชมคำตอบได้จาก ใน VDO ที่ทางเราทำขึ้นมาเลยครับ

เรียน C หรือ JAVA หรือ Pyton หรือ C# ครับ แล้วค่อยเรียน DATA STRUCTURE

เรียนเขียนโปรแกรมครับ

course ของ EPT เป็น course ที่ค่อนข้างลึก เป็นการเรียนเขียนโปรแกรมแบบละเอียด course ของเราต้องการคนที่ต้องการเขียนโปรแกรมเป็นจริงๆเท่านั้น

• ไม่เหมาะกับเด็กอายุ ต่ำกว่า 10 ปี [ยกเว้นถ้าเป็นเด็ก โอลิมปิกคณิตศาสตร์ หรือ มีความสามารถ ทางคณิตศาสตร์ ขั้นเทพ คืออยู่ ป. 6 เรียนเลข ถึง ม. 3 แล้ว โอเค] มันไม่เกี่ยวเลยว่าลูกของท่านจะ ชอบ ตัดต่อรูป แค่ไหน ชอบเข้า web วันละกี่ชั่วโมง หรือชอบเล่นเกมหรือมือถือแค่ไหน สิ่งที่เกี่ยวคือคณิตศาสตร์
  ถ้าเป็นเด็กๆ แนะนำ course Python Py101 (เด็กควรจะ อายุ 12 ปีขึ้นไป และชอบคณิตศาสตร์)
• ไม่เหมาะกับคนที่จำคณิตศาสตร์ ม. ต้น ม. ปลาย ไม่ได้เลย แม้แต่นิดเดียว และ ตกใจเมื่อได้ยินคำต่อไปนี้ SET , ตรรกศาสตร์ , ความสัมพันธ์และ function , จำนวนเชิงซ้อน Vector , Matrix ,การแก้สมการ , ครน. หรม. จำนวนเฉพาะ , ความน่าจะเป็น , สถิติ จำได้นิดหน่อย OK จำได้บางเรื่อง OK เรียนได้ แต่ถ้าจำไม่ได้เลย ไม่คุ้นหูคำข้างบนเลย ขอความกรุณา อย่าโทรมาถามว่า ถ้าจำไม่ได้เลยจะเรียนได้ไหม ขอความกรุณาไปทบทวนมาก่อนนะครับ จำไม่ได้ก็คือจำไม่ได้ ก็เรียนไม่ได้ แต่จำคณิตศาสตร์ไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าโง่ หรืออะไรแบบนั้น ก็แค่ไปทวนมา ทางเราไม่ได้เป็นคน ออกแบบคอมพิวเตอร์ คนที่คิดคอมพิวเตอร์เครื่องแรกคือ Alan Turing ซึ่งก็เป็นนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ มันเหมือนมีคนบอกว่าอยากจะเรียนหมอแต่จำชีววิทยาของcell ไม่ได้ จำไม่ได้ว่า mitochondria คืออะไร หรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ใน mitochondria มี DNA ด้วย แบบนี้มันก็เรียนหมอไม่ได้ ถ้าท่านจำคณิตศาสตร์ได้นิดหน่อย ให้ไปทบทวนมา ก่อนเริ่มเรียนนะครับ
• ไม่เหมาะกับคนที่ไม่อยากจะเขียนโปรแกรมเป็นไม่สนใจแต่อยากจะมีโปรเจ็คจบส่งครู
• ไม่เหมาะกับนักเรียนที่ ภาระกิจเยอะ แบบ ว่าต้องไป ... เมื่อนั้นเมื่อนี้ แต่ไม่รุ้จักเตรียมตัวมาเรียนก่อนล่วงหน้า แล้วอยากจะเรียนอัดๆ เช่น course เรียน 24 ครั้ง มาถามว่า จะเรียน 8 ครั้งได้ไหม คือถ้าท่านเรียนวันละ 9 ชั่วโมงไหว มันก็ได้ แต่ต้องอธิบายก่อนนะครับว่า course ของเราเป็นแบบ ย่อจากที่เรียนในมหาวิทยาลัย สอนกันเป็น ปี เราย่อเหลือแค่ 24 ครั้ง ซึ่งสั้นมากอยู่แล้ว สำหรับการเรียนแบบอัดๆ ถ้าเป็น เด็ก 14-20 ถ้าชอบคณิตศาสตร์ มาก มันก็ไหว แต่ในกรณีที่ผู้เรียนอายุมากแล้ว หรือไม่ชอบเลข ไม่แนะนำให้เรียนอัดๆ
• ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบการ active ไม่ชอบการการลงมือ ไม่ชอบการการลุย ไม่ชอบการการทำอะไรหนักๆ เช่นพวก ที่ทำโจทย์ไป 2 ข้อ บ่นเหนื่อยจังเลย ยากจังเลยขอเล่น facebook พักสมองสัก 1 ชั่วโมงค่อยมาทำใหม่
• ไม่เหมาะกับคนที่มีทัศนคติแบบ รอคนอื่นป้อนเป็นลูกนกจิบๆ
  แบบว่า "ไม่อยากจะเรียนเยอะ ไม่อยากจะเขียนเป็น"
  ไม่อยากจะเรียนให้เขียนเป็นจริงๆ อยากให้สอนโปรเจ็คเลย แต่ พื้นฐานก็ยังไม่แน่น ยังทำเรื่องง่ายๆ ไม่ได้ แต่อยากจะทำโปรเจ็ค ระดับ ป. โท ป. เอก แต่ยังทำโจทย์ ที่เด็ก ม. 2 ทำได้ ไม่ได้ และไม่อยากจะเรียนรู้

เชิญชมคำตอบได้จาก ใน VDO ที่ทางเราทำขึ้นมาเลยครับ

เชิญชมคำตอบได้จาก ใน VDO ที่ทางเราทำขึ้นมาเลยครับ

ถ้าบอกว่าอ่านเองแล้วไม่เข้าใจอาจจะแปลว่า programming พื้นฐานยังไม่แน่นครับ

แนะนำเรียน Course J104 / Web programming

กรุณาโทรหาผมที่ 0853507540 ครับ

เรียนได้ครับ สำหรับทาง EXPERT-PROGRAMMING-TUTOR.COM ของเราจะมีลูกค้ากลุ่มนี้ค่อนข้างมากครับ เนื้อหาที่ผมแนะนำให้เรียนจะครอบคลุม วิชาที่ 1,2,6 ด้านบนครับ ถ้าเรียนตามหลักสูตรที่ผมจัดและทำการบ้านทุกครั้งที่เรียน รับรองสามารถนำไปใช้งานจริงได้แน่นอนครับ เวลาที่ใช้เรียน จะใช้ 32 ชั่วโมงครับ ทั้งนี้ต้องเรียนให้ทราบว่าการเขียนโปรแกรมเป็นวิชาปฏิบัติต้องลงมือจริงเยอะๆครับ

จำเป็นครับ

ขออนุญาตอธิบายคร่าวๆ ดังต่อไปนี้ การสร้าง โปรแกรมขึ้นมา สักโปรแกรม มีส่วนประกอบ 4 ส่วนครับ

1. เรื่องของภาษา
2. เรื่องของ Algorithm และการจัดการต่างๆ
3. เรื่องของ Lib. หรือการเรียกใช้งาน สิ่งต่างๆที่คนอื่นเขียนให้อยู่แล้วทั้งใน ตัว standart Lib. (.net framework,JAVA SE,JAVA EE) เองและภายนอกนี่คือ เรื่องที่ถามว่า หัวข้อ ต่างๆ... มีสอนหรือไม่
4. เรื่องของ idea ที่จะทำโปรแกรม อันนี้ไม่ได้สอนใน course

เชิญชมคำตอบได้จาก ใน VDO ที่ทางเราทำขึ้นมาเลยครับ

เชิญชมคำตอบได้จาก ใน VDO ที่ทางเราทำขึ้นมาเลยครับ

ทางเราไม่มีนโยบายส่งใบเสนอราคาให้แก่บริษัทต่างๆ เพราะทางเราเป็นที่สอนเขียนโปรแกรมที่ มีรายละเอียด ค่อนข้างซับซ้อน เกินกว่าที่จะไปลงอยู่ในใบเสนอราคาได้ให้ทางผู้ บริหารของบริษัทเข้ามาดูใน websiteของเราเองจะอธิบายได้ชัดเจนกว่า
นอกจากนี้ นโยบายของเราสำหรับการฝึกโปรแกรมเมอร์คือ ผู้เรียนควรจะเป็นผู้จ่ายเงินเรียนเอง เพราะหลายๆครั้งที่ผ่านมา บริษัท ที่ส่งพนักงานมาอบรมกับเราพนักงานก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนเท่ากับ คนที่ลงทุนเสียเงินมาเรียนเอง

Process ในการขอใบเสนอราคา

1. กรณี บริษัทไม่เรื่องมากหรือเป็นเจ้าของบริษัทเอง กำเงินมาสมัคร จบง่าย อยากเอาเอกสารไร เดี๋ยวเราออกย้อนหลังให้ แจ้งเจ้าหน้าที่ตอนสมัคร
2. กรณี บริษัท ยังไม่อนุมัติ ว่าจะให้มาเรียน ที่ EPT หรือยังอยู่ใน Process การคัดเลือกที่เรียน ให้ Print หน้า WEB ไปนำเสนอผู้บริหาร ซึ่งหน้า WEB จะมีแยกตาม Course มีรายละเอียดและราคาอยู่แล้ว ในกรณีนี้เราไม่มีการออกใบเสนอราคาใดๆทั้งสิ้น
3. กรณี บริษัท อนุมัติแล้ว ออกเงินเรียบร้อยแล้ว กำตังค์ มาที่อาคารของเราเลย เดี๋ยวออกเอกสารตามหลังให้ โดยแจ้งเจ้าหน้าที่ตอนสมัคร
4. กรณี บริษัทอนุมัติแล้ว แต่เบิกเงินยังไม่ได้ต้องมีเอกสารการเบิกเงิน ให้ส่ง Email : ntprintf@gmail.com มา พร้อมแนบ ใบยืนยันการจ่ายเงิน พร้อมลงรายมือชื่อเจ้าหน้าที่ ที่มีสิทธิ์อนุมัติการจ่ายเงิน มาขอใบสมัครจากทางเรา ทางเราจะส่งใบสมัครกลับไปให้ โดยรอประมาณ 1-2 วัน วันพุธ วันศุกร์ จะเป็นวัน Process Email ส่งมาวันอื่นกรุณารา หลังจากได้ใบสมัครแล้วกรอกให้เรียบร้อยส่งใบสมัครพร้อมบัตรประชาชนผู้สมัครส่งเข้าทาง Email ทางเราจะออกใบเสนอราคาตามไปให้

ได้ครับ
คอร์สของเราเกือบทุกคอร์สทั้งคอร์ส SELF และคอร์ส ONLINE สามารถแบ่งชำระได้ แต่ราคาจะแพงกว่าในหน้าเว็บเล็กน้อยครับ กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อปรึกษาได้เลยครับ

ทางเราไม่มีนโยบายออกเอกสารใดๆทั้งสิ้น ยกเว้นเมื่อได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ สามารถ print ออกมาจากหน้า WEB ไปนำเสนอได้เลยครับ เพราะทางเรามีข้อมูลครบถ่วนอยู่แล้ว หรือให้เจ้านายผู้ใหญ่ เข้าไปดูรายละเอียดในหน้า WEB ได้เลยครับผม

ถ้าต่อ Facebook API ไม่ได้ ก็คือเรียกว่าเขียน PHP ไม่เป็นครับ ให้เรียน course PHP ผมไม่รู้ว่าที่อื่นสอนยังไง แต่ course ของเราค่อนข้างโหดกว่าที่อื่นแน่นอน

เราไม่ได้สอนต่อ weka โดยตรงครับ แต่สามารถ เรียน course VB.NET/PHP กับเรา แล้วถึงจุดจุดนึง จะนึกได้เองว่าจะเขียนให้มันต่อยังไง ถ้านึกไม่ได้มาถามหลังเรียนจบ course VB.NET/PHP ก็ได้ครับ

โปรเจกต์ต่างๆ หรือตึกสูงต่างๆ ผู้เรียนต้องมีอิฐบล็อกก้อนเล็กๆก่อน ถึงจะสร้างตึกสูงๆได้ การเขียนโปรแกรมและทำโปรเจกต์ก็เช่นเดียวกัน Course ของเรามีค่อนข้างหลากหลายเนื้อหาครอบคลุม อยู่แล้ว ถ้าท่านเรียน Course ของเราจบแล้วก็ และทำการบ้านและงานมาส่ง 100% สามารถเอา โปรเจกต์มาถามได้เลยครับ ยินดีตอบให้แบบไม่คิดเงิน แต่ถึงเวลานั้นท่านอาจจะเข้าใจแบบแจ่มแจ้งแล้ว และไม่อยากถามเพราะ ส่วนมากก็จะมีอยู่ใน Course อยู่แล้ว

ทางเราไม่รับจ้างทำ งาน การบ้าน หรือโปรเจกต์นักศึกษา ใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นระดับ ป.ตรี ป. โท ป.เอก ไม่ว่าจะอยากจ่ายเงิน มากแค่ไหนก็ตาม ถ้าเขียนโปรแกรมไม่ได้ก็ไม่ควรจะเรียนจบ วิชานั้นๆ และไม่ควรจะได้คะแนน
การจ้างทำโปรเจกต์ /การบ้าน / งานต่างๆ ของนักศึกษา คือ การ corruption และทำให้ระะบบการศึกษาไทย Fail
เหตุผลหลักที่ประเทศไทยมีปัญหาหนักมาก เพราะการ corruption ในทุกๆเรื่องของคนในชาติครับ ตามนั้น

โปรเจกต์ต่างๆ หรือตึกสูงต่างๆ ผู้เรียนต้องมีอิฐบล็อกก้อนเล็กๆก่อน ถึงจะสร้างตึกสูงๆได้ การเขียนโปรแกรมและทำโปรเจกต์ก็เช่นเดียวกัน Course ของเรามีค่อนข้างหลากหลายเนื้อหาครอบคลุม อยู่แล้ว ถ้าท่านเรียน Course ของเราจบแล้วก็ และทำการบ้านและงานมาส่ง 100% สามารถเอา โปรเจกต์มาถามได้เลยครับ ยินดีตอบให้แบบไม่คิดเงิน แต่ถึงเวลานั้นท่านอาจจะเข้าใจแบบแจ่มแจ้งแล้ว และไม่อยากถามเพราะ ส่วนมาก ก็จะมี อยู่ใน Course อยู่แล้ว

ถ้าคนที่เขียนโปรแกรมเป็นอยู่แล้ว ก็ควรจะต้องสามารถเขียนเองได้ครับ course ของเราเน้นให้ สามารถเขียนโปรแกรมได้เอง โดยการสอนตั้งแต่เริ่มต้น เป็นขั้นเป็นตอน

ทางเรารับปรึกษาเฉพาะ นักเรียน ที่เรียนกับเราจนถึงเรื่องที่จะถาม จะให้อธิบาย เช่น ถ้างงเรื่อง Database นร. ก็ต้องเรียนไปจนถึงเรื่อง Database และ ทำการบ้านตามที่ Assign ใน Course มาส่งแล้วถ้ายังงง ก็สามารถ นำเรื่องนั้นๆ มาถามได้

ทางเราไม่มั่นใจว่า ที่อื่นสอนยังไง ทำไมถึงมี นักเรียน ที่บอกว่าสามารถเขียนโปรแกรมเป็นอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถทำ.... ได้ เช่น นักเรียนบอกว่าเขียนโปรแกรม JAVA เป็นอยู่แล้วแต่ไม่สามารถ เขียนเกมง่ายๆ เช่น เกม จับคู่ เกมแข่งรถ เกม ตัวการ์ตูนวิ่งๆ ได้

เขียนโปรแกรมไม่เป็นก็คือ เขียนโปรแกรมไม่เป็น ไม่ใช่ เป็นอยู่แล้วแต่ เป็น แค่ if-else loop อะไรแบบนั้น เหมือนคนบอกว่า พูดภาษาอังกฤษได้ แต่พูดได้แค่ Hello ,yes, no, OK ,thank you ,This is a book., This is a cat. อย่างอื่นพูดไม่ได้เลย ไม่สามารถสนทนายาวๆได้ มันก็คือพูดภาษาอังกฤษไม่ได้อยู่ดี

การเขียนโปรแกรมต้องมีการฝึกฝน ถ้าคุณอยากจะเป็นจริงๆ ซึ่งต้องใช้เวลา ไม่ใช่แค่เป็น นิดหน่อย เหมือนที่ไปเรียนมาที่อื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น Course J104 ของเรา ถ้ามาเรียนสม่ำเสมอ ทำการบ้านครบ จะสามารถเขียนเป็นแน่นอน ไม่ต้องกลัวครับผม และการเรียนของเราเป็นการเรียนแบบรวบรัดอยู่แล้ว J104 ถ้า เรียนใน มหาวิทยาลัยจะใช้เวลาเรียน 2-3 เทอม เรานำมาสอนแบบครบทุกเรื่อง แต่เพิ่มความเร็ว รับรองคุ้มค่าแน่นอน

การเรียนเขียนโปรแกรมก็เหมือนการศึกษาเรื่องอื่นๆ คุณต้องมีความซื่อตรง ต่อตัวเองจริงๆว่า เราอยู่ระดับไหน เขียนไม่เป็นก็คือเขียนไม่เป็นไม่ต้องอาย ไม่มีใครว่าอะไร มันไม่เกี่ยวกับว่า ที่คุณเคยเรียนมาเป็นยังไง หรือคุณ ทำงานด้านนี้มานานแค่ไหน ถ้าคุณทำโจทย์ของเรา ซึ่งเป็น โจทย์ มาตรฐาน ของ มหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศไม่ได้ มันก็คือเขียนไม่เป็น

สำหรับนักศึกษาที่ต้องรีบทำโปรเจกต์ส่ง อาจารย์ ซึ่งกำหนด Deadline ไว้ แล้ว ทาง เรา EPT ขอให้นักเรียนลองถามตัวเองดูว่า ต้องการอะไร ถ้าต้องการความรู้ความสามารถด้านการเขียนโปรแแกรม แนะนำ course ของ เรา แต่ถ้าไม่ได้อยากจะเขียนเป็นแบบจริงๆอยากให้เราสอนเป็นครั้งๆ เฉพาะโปรเจกต์ ไม่อยากเรียนเป็น course เพราะว่า คิดว่าเขียนโปรแกรมได้ (แต่เขียนเองไม่ได้ (งงไหมละ)) ทางเราไม่ได้รับสอน เพราะว่า เชื่อว่า นร. ก็เขียนไม่เป็นอยู่ดี และจะกลายเป็นว่า อาจารย์ของเราทำให้ ซึ่งขัดกับวัตถุประสงค์ของ การสอนของเรา

สำหรับนักเนรียนที่จะเรียน เนื้อหาที่อนู่ใน Course Advance แบบเป็นเรื่องๆ คือไม่ได้จะเรียน ทั้ง course

1. อยากทราบทฤษฏีและคณิตศาสตร์ ที่อยู่เบื้อหลังเรื่องนั้นๆอย่างละเอียด แนะนำลง Course นั้ๆ เช่น Image Processing ทางเรา EPT สอน ลึกทั้ง ทฤษฏี คณิตศาสตร์ ที่อยู่เบื้อหลัง และ การลง code ลงมือเขียนจริง
2. ไม่อยากทราบทฤษฏีแค่อยากใช้ library เรื่องนั้นๆเฉยๆ ผมไม่รู้ว่าคุณเรียนเขียนโปรแกรมที่บอกว่าเขียนเป็นอยู่แล้วเนี่ย ที่อื่นสอนยังไง เพราะว่า ตามหลักการสากล ของมวลมนุษยชาติ การเรียนเขียนโปรแกรม ย่อมต้องหมายถึงเรียนใช้ library ต่างๆ ด้วย ใน course ของเราเช่น JAVA / C++ หรือ course อื่นๆ เรานอกจากจะสอนตัวภาษา / Algorithm แล้วเรายังสอน วิธีการอ่านและเรียกใช้ lib. ต่างๆ รวมถึง เรายังสอนทัศนคติ ที่จะทำให้คุณไม่ต้องเรียนทุกสิ่งทุกอย่างแต่สามารถใช้ความรู้ ที่มี ไปทำอย่างอื่นๆ ได้
   ยกตัวอย่างเช่น มีนักเรียนโทรมาบอกว่า อยากเรียนเฉพาะเรื่อง การใช้ Kalman Filter หรือ SIFT Matching หรือ เรื่องอื่นๆ ใน openCV นักเรียนบอกว่าเขียนโปรแกรมเป็นอยู่แล้ว ไม่อยากเรียนใหม่ตั้งแต่ตั้น
   อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ผมงง เพราะว่า ถ้าเป็นเรื่องของการใช้ lib เฉยๆ อย่างเช่น การใช้ SIFT ใน OpenCV เขียน 5-15 บรรทัดก็เสร็จแล้ว ที่บอกว่าเขียนไม่ได้ก็น่าจะ ไม่มีพื้นฐานเขียนโปรแกรมที่มากพอมากกว่า ที่อื่นอาจจะสอนง่ายๆ ทำให้ผู้เรียนรู้สึกว่าเขียนเป็น แต่จริงๆ ก็ไม่เป็นอยู่ดี อย่างการใช้ openCV ถ้า เขียน C++ ได้แบบจริงๆ ก็จะสามารถใช้ได้ โดยที่ไม่ต้องเรียนอะไรเพิ่ม ถ้านร. ท่านไหนจะใช้ OpenCV โดยที่ไม่จำเป็นต้องรู้ทฤษฎีเบื้อลึกที่อยู่ด้านหลัง ก็แนะนำ Course C++ CPP101 ครับ นักเรียนหลายท่านๆที่เรียน C++ ก็สามารถเขียนโปรแกรมที่ซับซ้อนได้ด้วยตัวเองครับ

ถ้าต่อ DATABASE ไม่ได้ก็ไม่สามารถเรียกว่าเขียนโปรแกรมเป็นนะครับ ถ้าในกรณีนี้ก็ต้องเรียนใหม่ต้องแต่ต้นอยู่ดี เพราะ การต่อ DATABASE เป็น ทักษะ ที่ค่อนข้างง่าย สำหรับ คนที่จะเขียนโปรแกรมนะครับ

มาทำแบบทดสอบของเราครับถ้าทำได้ไม่ต้องเรียน ตั้งแต่ต้นใหม่สามารถข้ามไปเรียนcourse หลังได้เลย แบบทดสอบเราไม่ยากเทียบเท่า final ของวิชาการเขียนโปรแกรมปี 1 ปี 2 ในมหาวิทยาลัย
เจ้านาย / เจ้าของบริษัทจะได้รู้จริงๆ ด้วยว่า ลูกน้องของท่านเป็นจริงๆหรือไม่

ถ้าเขียนโปรแกรมไม่ได้เลยยังไงก็ต้องเรียนตั้งแต่เริ่มอยู่ดีครับ

ขอชื่อของหนูและ ชื่อที่อยู่และเบอร์โทรอาจารย์ที่ปรึกษา ด้วยครับ ผมจะโทรไปฟ้องได้ถูกคน
นักศึกษาต้องลงมือทำโปรเจกต์ด้วยตัวเองครับ
ถ้าทำแล้วติดงง สงสัย ถามได้ ครับผมช่วยแน่นอน แต่นักเรียนต้อง ลงมือทำเองให้ผมเห็นว่าพยายามแล้ว ก่อนครับ
ยกตัวอย่างเช่นมีนักเรียนต้องการทำ project เกี่ยวกับ image processing แต่ติดปัญหาที่โปรแกรมมิ่งไม่แข็งแรง ก็อาจจะลง C / C# กับผม พอเรียนจบก็เริ่มทำโปรเจกต์ แล้วติดปัญหาตรงไหน ผมช่วยแน่นอน ครับ แต่จะให้ช่วยทำให้ทั้งหมดผมไม่ช่วยนะครับ

ขอยกคำตอบขอ ดร. ยืน ภู่วรวรรณ ดังนี้
ในชีวิตจริง ต้องมีการวางขั้นตอนการดำเนินงาน เช่น อยากกินบะหมี่สำเร็จรูป ก็ต้องคิดว่าจะได้กินอย่างไร มีกี่วิธี จะวางแผนการดำเนินงานให้ได้กินอย่างไร และมีขั้นตอนการปฏิบัติอย่างไร การเรียนรู้การเขียนโปรแกรม เป็นการฝึกทักษะให้คิดแบบมีลำดับขั้นตอน เป็นระบบ Systematic idea ต้องวางลำดับและเงื่อนไขการทำงาน ยิ่งงานมีความซับซ้อนขึ้น การคิดเป็นระบบจะทำให้ทำงานที่ซับซ้อนได้ การเขียนโปรแกรม เป็นงานที่ฝึกให้เป็นระเบียบ มี Syntactic rule มีขั้นตอน และมีเหตุมีผล logical thinking ต้องเปลี่ยนถ่ายความคิด สู่รูปธรรมของโปรแกรม การเขียนโปรแกรมจึงเหมือนภาคปฏิบัติของคณิตศาสตร์ ที่ถ่ายจากนามธรรมสู่รูปธรรม ฝึกทักษะการจินตนาการ และเชื่อมโยงกับเหตุและผลทางตรรกศาสตร์

สามารถดู vdo อธิบายคณะ ได้ที่
https://www.youtube.com/watch?v=CWJ5wA-Yg80
หากมีอะไรสอบถามเพิ่มเติมสามารถโทรได้ที่ 0853507540 ครับ

เรียนได้ครับ นักเรียนเราอายุมากที่สุดคือ 70 ปีครับ
ผู้เรียนที่อายุเยอะแล้ว ความรับผิดชอบยิ่งมากขึ้นบางท่านอาจจะเป็นผู้บริหาร หรือ ต้องดูแลครอบครัว จึงต้องขอให้สำรองเวลาสำหรับทบทวนบทเรียนครับ ผู้เรียนอายุเยอะจะไปได้ช้ากว่าผู้เรียนที่อายุน้อยกว่า ดังนั้น ขอให้เผื่อเวลาไว้มากกว่า เดิม ประมาณ โดยใช้สมการ
เวลาที่ใช้ทำการบ้านและทบทวนต่อหนึ่งครั้งที่เรียน = MAX ( 3, 3 + (อายุผู้เรียน - 30 ) * 0.33 ) ชั่วโมง

course ของเราต้องการความอดทน ต้องการเวลาเรียน ต้องการเวลาทำการบ้าน

course ของเราเป็น course ที่ออกแบบมาสำหรับ บุคคล อายุ 16-35 ปี เป็นหลัก หรือ นักเรียนม. ปลาย นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย คนทำงาน ที่อายุไม่เยอะ การเล่น มุข และ รูปแบบการสอน จะเหมาะ กับคนวัย นี้ครับ

บางทีอายุเยอะ จะไม่คุ้นกับ รูปแบบการเรียนของเรา (ลงมือปฏิบัติ - ฝึกทำโจทย์ - ฝึกทำโปรเจค เยอะๆ) ถามว่าเรียนได้ไหม เราตอบว่าเรียนได้ แต่กรุณา อย่าเกรียน อย่าเยอะเป็นพอครับ

คำถามต่อมาว่า อายุเยอะแล้วเรียนรู้ช้า ขอเรียนใช้เวลา 2 - 3 เท่า ของ คนปกติ คือ มานั่ง ทั้งวัน ได้ไหม แต่ขอจ่าย เท่ากับคนอื่นนะ

ไม่ได้ครับ ถ้าในวันที่นักเรียน ไม่เยอะ นั่งเรียนเกินเวลา นิดหน่อย ได้ครับ แต่ขอเรียนนานๆ 2 เท่าของเวลาปกติ จะไม่ยุติธรรมสำหรับ ผู้เรียนท่านอื่นครับ เราขอยืนยันว่า ถ้าท่าน มีความรู้คณิตศาสตร์ ม. ต้น แบบแน่นๆ ยังไม่ลืม มีความรู้ภาษาอังกฤษ มีเวลามาเรียนต่อเนื่อง มีเวลาทำการบ้าน ท่านสามารถ เรียนจบ ในเวลาที่กำหนดได้เอง

ผมอายุเยอะแล้ว ผมขอ ....... เป็นพิเศษ ได้ไหม
ตอบเลยว่า ไม่ได้ครับ การอายุเยอะไม่ใช่ข้ออ้างครับ

อายุเยอะแล้วกรุณาอย่าเกรียน อย่าทำตัวปัญหาเยอะ ดูว่า คนอื่นๆ เค้าทำอะไรยังไง ก็ทำแบบบั้นแหละ อย่าเยอะ ขอร้อง

การเรียนเขียนโปรแกรมของเรา จะสอนเนื้อหาวิชาการเป็นหลัก คำพูดเสริมสร้างกำลังใจมีบ้างแต่ไม่ได้เป็นจุดหลัก ถ้าลูกอาการหนักแนะนำให้พ่อแม่ อ่านหนังสือจิตวิทยาวัยรุ่น หรือให้ตามอ่าน บทความที่นายแพทย์ สันต์ ใจยอดศิลป์ web
facebook

ผมว่าเป็นขโมย ล้วงกระเป๋าคน ยังฝึกนานกว่า 2 วันเลยครับ

บอกเลยครับว่าขายเต้าทึงยังฝึกนานกว่า 3 วัน
การเขียนโปรแกรมเป็นทั้ง ทักษะ และ ความรู้ ซึ่งต้องอาศัยเวลาในการทำความเข้าใจและฝึกฝนครับ
ทักษะมีสองประเภทคือทักษะแบบอ่อน และทักษะแบบเข้ม ทักษะแบบอ่อนต้องอาศัยการทำซ้ำ เยอะๆ ในเรื่องเดิมๆ
ทักษะแบบเข้มต้องอาศัยการทำซ้ำเยอะๆในเรื่องที่หลากหลาย และนอกจากนี้ยังต้องมีความรู้ในเรื่องต่างๆอีกเยอะ
ทาง EPT สอนแบบค่อนข้างเร่งรัดมากอยู่แล้ว อย่างเช่น JAVA J104 , C# CS102 , VB.NET VB102 ของเรา สอนเทียบเท่าเรียนในมหาวิทยาลัย 2 ปีมาย่อเหลือ 16-20 วัน

500 ชั่วโมงขึ้นไปครับ คุณเรียนกับเราก็คือฝึกไปเยอะประมาณนึงครับ ระดับนี้คือ สูงกว่า นศ. ที่จบด้านนี้โดยทั่วๆไปล่ะ

ระยะเวลาเรียนของทุก course เป็นค่าจำกัดและไม่สามารถเพิ่มได้ โดยแต่ละ course เราเผื่อเวลาให้เกินกว่าจำนวนที่เรียนจริงอยู่แล้ว สำหรับการมาเรียนซ้ำเรื่องที่เรียนไปแล้ว การมาเรียนสาย ป่วย หรือ ติดธุระอื่นๆ ขอให้นักเรียนทุกคนรักษาเวลา

ต้องขออนุญาต ให้จ่ายเงินเพิ่มดังนี้

1. เวลาเรียนเพิ่ม 3 ครั้ง 3,700 บาท ได้เวลาเรียนเพิ่ม 1 เดือน
2. เวลาเรียนเพิ่ม 6 ครั้ง 5,700 บาท ได้เวลาเรียนเพิ่ม 1 เดือน
3. เวลาเรียนเพิ่ม 10 ครั้ง 8,700 บาท ได้เวลาเรียนเพิ่ม 2 เดือน
4. เวลาเรียนเพิ่ม 12 ครั้ง 9,700 บาท ได้เวลาเรียนเพิ่ม 2 เดือน
5. เวลาเรียนเพิ่ม 20 ครั้ง 14,700 บาท ได้เวลาเรียนเพิ่ม 2 เดือน

2,000 ชั่วโมงขึ้นไปครับ

5,000 ชั่วโมงขึ้นไปครับ

10,000 ชั่วโมงขึ้นไปครับ
ในหนังสือ outliers พูดอย่างชัดเจนครับ นี่คือ ประวัติของ คนเก่งๆ ในด่านต่างๆ Bill Gate เคยนั่งเขียน code 10,000 ชั่วโมงก่อนที่จะรวยครับ
และนอกจากนี้ในหนังสือผู้เขียน Malcolm Gladwell ยังศึกษาผู้คนที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ เช่น กีฬา ดนตรี ก็ล้วนต้องผ่าน การฝึกฝน 10,000 ชั่วโมงทั้งสิ้นครับ
นี่คือกฏของจักรวาลครับ ขอจงเชื่อและลองทำตามครับ
อ่านเพิ่มเติม
http://en.wikipedia.org/wiki/Outliers_%28book%29 ในเรื่องพระมหาชนก พระราชนิพนธ์ของในหลวง ก็ทรงเน้นย้ำถึงความเพียรครับ
"ขอจงมีความเพียรที่บริสุทธิ์ ปัญญาที่เฉียบแหลม กําลังกายที่สมบูรณ์"

แนะนำให้เรียนเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์

โทรหาเราที่ 0853507540 รับปรึกษาฟรีครับ เฉพาะวันที่ทางเราว่างนะครับ หรือไม่ก็เปลี่ยนงาน up เงินเดือนครับ

ส่ง Email หาเราที่ ntprintf@gmail.com รับปรึกษาฟรีครับ เฉพาะวันที่ทางเราว่างนะครับ

โทรหาเราที่ 0853507540 รับปรึกษาฟรีครับ เฉพาะวันที่ทางเราว่างนะครับ จริงๆก็แล้วแต่ความสนใจของแต่ละท่านนะครับ

แนะนำให้กินยาพารา 2 เม็ดและนอนห่มผ้าหนาๆครับ

ไม่ว่าท่านจะเป็นเด็กวัด หรือลูกเจ้าของกิจการแสนล้าน ท่านจ่ายเงินเท่ากันท่านก็จะได้รับการดูแลจากเราเท่ากันทุกระดับแน่นอนครับ

ไม่ได้ เพื่อเป็นการไม่รบกวนนักเรียนท่านอื่น และ เพื่อบรรยากาศ ที่ดีในการเรียน

ไม่ได้เพื่อเป็นการไม่รบกวนนักเรียนท่านอื่น และเพื่อบรรยากาศที่ดีในการเรียน

คุณช่วยเขียนมาเลยนะครับ ว่ามีงบเท่าไร และส่ง requirement คร่าวๆ เข้าทาง Email ได้เลยครับ
ทางเราไม่มีเวลาไปนั่งคุยนานๆ ซึ่งมันเสียเวลา และช้าทั้งสองฝ่าย
อยากทำโปรแกรมอะไรมีงบเท่าไรเขียนมาเลย ครับ
จบเสร็จเร็วเชื่อผม
บอกตัวเลขมาเลย ยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณ สร้างบ้าน 2 ชั้น 200 ตารางเมตร มันมีตั้งแต่ราคาบ้าน 1 ล้าน ไปจนกระทั่งถึง 15 ล้าน ด้วยบ้านขนาดเดียวกัน คุณเข้าใจใช่ไหม มันบอกไม่ได้ว่าบ้าน หลังละ เท่านี้ ต้องราคาเท่านี้ เพราะ วัสดุมันอาจจะต่างกันมาก คุณ อาจจะได้ ปราสาท หรือ อยากได้ที่ซุกหัวนอนเฉยๆ มันไม่เหมือนกัน
Software ก็เหมือนกันครับ
มันมี software ที่ใช้งานได้ ที่ใช้งานดี ที่สวย
สิ่งที่คำนึงถึงหลักๆมีดังนี้

1 ให้เขียน Functional Requirement อย่างละเอียดหน่อย
เบื่อมากอีพวกประเภท อยากทำโปรแกรมเหมือน web ... คุณจะไปต้องการเหมือนเค้า 100% ได้ยังไงคุณ เขียนมาเลยสิ ว่าอยากได้อะไร
ตัว คุณนั้นแหละจะได้เห็นด้วยว่า อะไรสำคัญ อะไรไม่สำคัญ

ถ้าบอกว่า มันเขียนลำบาก
แล้วเขียน program ไม่ลำบากกว่าเหรอไง ครับ
เขียนมาเลยเป็นข้อๆ
เช่นข้อ 1 โปรแกรมต้องมีระบบ Login ซื่งต้องสามารถ ทำดังต่อไปนี้ได้ 1.1 ผู้ใช้สามารถสมัครสมาชิกได้ การสมัครสมาชิก ต้องเก็บข้อมูลดังต่อไปนี้
1.1.1 ชื่อ - นามสกุล
1.1.2 เบอร์โทรศัพท์
1.2 ถ้าผู้ใช้ลืมรหัสผ่านผู้ใช้สามารถ ใช้ Email ในการกู้คืนรหัสผ่านได้
ข้อ 2 ระบบต้องสามารถเก็บข้อมูลดังต่อไปนี้ได้ ... ข้อ 3 บลาๆๆๆๆ

2 non-functional requirement ต่างๆ เช่นรบกวนช่วยประเมิณมาว่า ระบบของคุณจะมีผู้ใช้ประมาณกี่คน และ จะมีโอกาศขยายในอนาคตไหม
ระบบที่ทำให้ คน 1 คนใช้ 10 คน 10,000 คน คนใช้ หรือ 1,000,000 คนใช้ย่อม design ต่างกัน ราคาต่างกัน เข้าใจไหม เหมือนบ้าน 1 หลัง ใช้หินอ่อนลายน้ำนมเทพจากเหมืองในกรีก ย่อม ราคาต่างจากบ้านขนาดเท่าๆกันที่ใช้ ปูนตราเสือบ้านๆธรรมดา


ถ้าเกิดเขียนไม่ได้ไม่เข้าใจ รบกวนลงเรียนเขียนโปรแกรม สัก course กับทางเรา แนะนำ Python Py101 ก็ได้ แล้วจะเข้าใจว่า ทำไม อะไร ยังไง นะครับ

สุดท้ายนี้ก็ขอฝากนะครับว่า "Requirement ครบ จบเร็ว "
ให้วิเคราะห์ทำ requrement ให้ด้วย จ่ายเพิ่ม โปรแกรมเมอร์ไม่ใช่ ต้นไม้จะได้เอาน้ำราดแล้วโตได้เลย นะครับ ต้องกินต้องใช้

คือเบื่อมากขอความกรุณาไม่ต้องโทรมาบอกว่าคุณรวยยังไง บริษัทคุณใหญ่แค่ไหนหรือกำลังจะทำ startup ระดับโลก เป็นคู่แข่งกับ Zuckerberge เขียนมาเลยนะครับว่าจะจ้างทำอะไร ส่งเข้า email : ntprintf@gmail.com เดี๋ยวผมช่วยหาคนทำให้ไม่คิดเงิน

ไม่ต้องกลัวว่าความลับทางธุรกิจของคุณจะรั่วไหล ผมได้ยิน idea ธุรกิจมาเป็น 100 idea ต่อปี มันไม่ได้อยู่ที่ idea มันอยู่ที่คนลงมือทำ นะครับ

และถ้าอยากทำ startup ผมว่าจำเป็นมากนะครับ ที่ใน founder ต้องมี coder / hacker 1 คน ไม่งั้น จะเกิดอาการ มโน คือคิดเอาเองไง ว่าโปรแกรมเมอร์ต้องทำอะไรได้ อะไรเร็วอะไรช้านะครับ ถ้าไม่มีนะครับ แนะนำให้มาเรียน เริ่มจาก python py101 ก่อนเลย ยาแก้โรคมโนชะงักนัก

"trust me, i am an engineer !" ครับ

ถ้าเด็กอาการหนักแนะนำให้พ่อแม่ อ่านหนังสือจิตวิทยาวัยรุ่น หรือให้ตามอ่าน บทความที่นายแพทย์ สันต์ ใจยอดศิลป์ web facebook

ถ้าทำตามหลายๆวิธีแล้วยังแก้ไม่ได้ก็ปล่อยเค้านั่งกดมือถือไปเถอะ


-------------------
ตอนที่ผมไป Art Museum ที่ New York ระหว่างผมนั่งรอคนอื่นๆที่กำลังชมงานศิลป์ ผมเจอเด็กกำลังนั่งกินช็อกโกแลตแท่งใหญ่ๆอยู่ ข้างๆเด็กมีคุณลุงอายุสัก 40 -50 ปี อยู่ด้วย น่าจะไม่ใช่ญาติ แต่มานั่งอยู่แถวๆนั้น

เมื่อเด็กกินช็อกโกแลตแท่งใหญ่หมด ก็หยิบอันใหม่มากินต่อ กินไปสัก 2 - 3 แท่ง ลุงที่นั่งอยู่ข้างๆก็มองอยู่ สักพักเริ่มทนไม่ได้
"นี่เจ้าหนู กินช็อกโกแลต มากๆไม่ดีนะ" ลุงพูด
เด็กไม่สนใจ หยิบแท่งที่ 4 มากินต่อ
"มันทำให้ป่วยนะ" ลุงพูดต่อ
เด็กก็ยังไม่สนใจอีก หยิบแท่งที่ 5 มากินต่อไปอีก แต่เด็กได้เงยหน้าขึ้นมามองลุงนิดนึง
"มันทำให้ป่วยนะ มันทำให้น้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เป็นโรคความดันโลหิต ทำให้ฟันผุ และทำให้สายตาไม่ดี " ลุงพูดต่อไป เพราะห่วงใยเด็ก
"มันทำให้ตายเร็วนะไอ้หนู" ลุงยังคงไม่หยุดพูด
เด็กเมื่อกินๆ ไป โดนขัดจังหวะ ก็ไม่ได้สนใจอะไร ทั้งยังหยิบแท่งถัดไปมากินอีก แต่ระหว่างที่หยิบแท่งถัดไป ปากที่ว่างจากการเคี้ยว ก็ได้พูดเปรยๆ ออกมาว่า
"ปู่ของผมตายตอนอายุ 103 ปี"
ลุงได้โอกาสเหมาะ ก็เลยสวนกลับไปทันควัน "นั่นเป็นเพราะปู่ของเธอไม่ได้กินช็อคโกแลตมากมายอย่างนี้ใช่ไหม"
"ไม่รู้ครับ" เด็กตอบ "ผมไม่รู้ว่าปู่ของผมกินช็อคโกแลตมากหรือเปล่าครับ แต่ที่แน่ๆ ปู่ของผมไม่ค่อยยุ่งเรื่องของคนอื่น "
----------เรื่องจาก ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตกรรม) (เรื่องไม่เกี่ยวกับคำถามแต่นำมาใส่ไว้เฉยๆ)-----------