Knight's Tour เป็นปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่เกี่ยวกับการเดินหมากรุกชนิดหนึ่ง ('knight') บนกระดานหมากรุกขนาด 8x8 โดยมีเงื่อนไขว่าหมากต้องเดินผ่านทุกช่องครั้งเดียวและสามารถกลับไปยังช่องเริ่มต้นได้ (Closed Tour) หรืออาจไม่ต้องกลับก็ได้ (Open Tour) โดยเคลื่อนที่ตามกฎของหมากม้าในหมากรุก นั่นคือ เคลื่อนที่เป็นรูปตัวแอล (L-shape) หมากม้าสามารถไปได้ 2 ช่องแนวตั้งและ 1 ช่องแนวนอน หรือ 2 ช่องแนวนอนและ 1 ช่องแนวตั้ง
ในการแก้ปัญหา Knight's Tour มีหลายวิธี วิธีที่เป็นที่รู้จักมากคือการใช้ heuristic ของ Warnsdorff ที่บอกให้เราเลือกการเคลื่อนไหวต่อไปโดยดูจากจำนวนการเคลื่อนที่ที่เป็นไปได้น้อยที่สุดที่จะเกิดขึ้นหลังจากการเคลื่อนที่ปัจจุบัน
Golang เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งสมัยใหม่ที่มุ่งเน้นความง่ายในการเขียนโค้ด, การทำงานร่วมกัน และประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ดังนั้นมันเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการทำงานกับปัญหาที่ซับซ้อนเช่น Knight's Tour
// ตัวอย่างโค้ดการเขียนฟังก์ชันแก้ปัญหา Knight's Tour ในภาษา Golang
package main
import "fmt"
const N = 8
var xMoves = []int{2, 1, -1, -2, -2, -1, 1, 2}
var yMoves = []int{1, 2, 2, 1, -1, -2, -2, -1}
func isSafe(x, y int, board [][]int) bool {
return (x >= 0 && x < N && y >= 0 && y < N && board[x][y] == -1)
}
func printSolution(board [][]int) {
for i := 0; i < N; i++ {
for j := 0; j < N; j++ {
fmt.Printf(" %2d ", board[i][j])
}
fmt.Println()
}
}
func solveKT() bool {
board := make([][]int, N)
for i := 0; i < N; i++ {
board[i] = make([]int, N)
for j := 0; j < N; j++ {
board[i][j] = -1
}
}
board[0][0] = 0
if !solveKTUtil(0, 0, 1, board) {
fmt.Println("Solution does not exist")
return false
} else {
printSolution(board)
}
return true
}
func solveKTUtil(x, y, movei int, board [][]int) bool {
if movei == N*N {
return true
}
for k := 0; k < 8; k++ {
nextX := x + xMoves[k]
nextY := y + yMoves[k]
if isSafe(nextX, nextY, board) {
board[nextX][nextY] = movei
if solveKTUtil(nextX, nextY, movei+1, board) {
return true
} else {
board[nextX][nextY] = -1
}
}
}
return false
}
func main() {
solveKT()
}
ในโลกจริง ปัญหา Knight's Tour สามารถประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาเส้นทางหรือเส้นทางที่อาจมีการเคลื่อนที่ผ่านจุดหมายปลายทางทุกจุดเพียงครั้งเดียว เช่น การวางแผนเส้นทางการจัดส่งสินค้า หรือการออกแบบวงจรไฟฟ้าที่ทำงานโดยการเชื่อมต่อจุดต่าง ๆ ที่ไม่ซ้ำกัน
ความซับซ้อนของการทำงาน (Time Complexity) ของปัญหา Knight's Tour สามารถอยู่ในระดับ O((N*N)!) เมื่อต้องพิจารณาทุกโอกาสในการเคลื่อนที่ ในทางปฏิบัติ, การใช้ heuristic ทำให้เวลาที่ใช้ในการค้นหาลดลง แต่ก็ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องใช้เวลาคำนวณสูง
ข้อดีของ Algorithm ในการแก้ปัญหา Knight's Tour คือช่วยพัฒนาความเข้าใจในการแก้ปัญหาที่มีการตัดสินใจหลายชั้น และสามารถประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาที่คล้ายคลึงกันได้ ข้อเสียคืออาจรับประกันไม่ได้ว่าจะหาคำตอบที่ถูกต้องได้เสมอไป ต้องพึ่งพาการใช้ heuristic และอาจต้องใช้เวลาคำนวณมาก
สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาการโปรแกรมมิ่งและการแก้ปัญหาซับซ้อน เชิญที่ EPT ที่นี่เรามีหลักสูตรและผู้เชี่ยวชาญที่จะนำท่านสู่การเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เข้าใจในหลักการแก้ปัญหาด้วยการเขียนโค้ดอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ.
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: knights_tour golang algorithm heuristic programming complexity problem-solving chess backtracking coding software_development ept debugging
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM