การใช้งาน Create bar chart from data ในภาษา Golang แบบง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง

# การสร้างแผนภูมิแท่ง (Bar Chart) ด้วยภาษา Golang และประโยชน์ในโลกจริง

คุณกำลังมองหาวิธีการที่จะนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายขึ้นหรือไม่? แผนภูมิแท่ง (Bar Chart) อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่จะแสดงข้อมูลในรูปแบบที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ในบทความนี้ เราจะมาดูวิธีการสร้างแผนภูมิแท่งในภาษาโปรแกรม Golang พร้อมทั้งตัวอย่างโค้ด 3 ตัวอย่างและอธิบายการทำงาน และยกตัวอย่างประโยชน์ของมันในโลกจริง

1. เริ่มต้นกับ Golang และการพัฒนาแผนภูมิแท่ง

ก่อนที่เราจะสามารถสร้างแผนภูมิสวยๆ นั้น เราต้องเตรียมพื้นฐานลงไปก่อน ภาษาโปรแกรม Golang นั้นเป็นภาษาที่มีลักษณะเฉพาะตัว เหมาะสำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง และการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ

การพัฒนาแผนภูมิใน Golang นั้น เริ่มต้นด้วยการเลือกไลบรารีที่เหมาะสม เช่น `gonum/plot` หรือ `go-chart` เพื่อที่จะช่วยให้การวาดแผนภูมินั้นง่ายขึ้น

2. ตัวอย่างโค้ดสร้างแผนภูมิแท่งใน Golang

ตัวอย่างที่ 1 – แผนภูมิแท่งพื้นฐาน

 package main

import (
    "os"
    "fmt"
    "github.com/wcharczuk/go-chart" // lybrary for creating charts
)

func main() {
    graph := chart.BarChart{ // Create a new bar chart
        Width:  600,
        Height: 400,
        Bars: []chart.Value{
            {Value: 5.75, Label: "Apple"},
            {Value: 4.48, Label: "Banana"},
            {Value: 3.92, Label: "Orange"},
        },
    }
    f, _ := os.Create("fruit_bar_chart.png") // Create a file for the output
    defer f.Close()
    graph.Render(chart.PNG, f) // Render the chart to the PNG file
}

ในตัวอย่างนี้เราได้สร้างแผนภูมิแท่งเพื่อแสดงปริมาณการขายของผลไม้ต่างๆ โดยใช้ library `go-chart` เรากำหนดค่าของแผนภูมิและแสดงผลออกไปเป็นไฟล์ PNG.

ตัวอย่างที่ 2 – แปลงข้อมูลจาก Array

 // โค้ดเดียวกันนี้จะใช้ library และ package ที่เรียกร้องไว้ในตัวอย่างแรก

func main() {
    sales := []float64{9.10, 4.84, 2.30} // Array of sales data
    labels := []string{"Books", "Movies", "Music"} // Corresponding labels

    var bars []chart.Value
    for i, value := range sales {
        bars = append(bars, chart.Value{
            Value: value,
            Label: labels[i],
        })
    }

    graph := chart.BarChart{
        Width:  600,
        Height: 400,
        Bars:   bars,
    }

    f, _ := os.Create("sales_bar_chart.png")
    defer f.Close()
    graph.Render(chart.PNG, f)
}

ในตัวอย่างนี้ เราอ่านข้อมูลและแปลงมันเป็นค่าที่ใช้ในการวาดแผนภูมิ ในที่นี้คือข้อมูลยอดขายของสินค้าต่างๆ

ตัวอย่างที่ 3 – แผนภูมิแท่งที่มีหลายชุดข้อมูล

 // โค้ดเดียวกันนี้จะใช้ library และ package ที่เรียกร้องไว้ในตัวอย่างแรกและที่สอง

func main() {
    series1 := chart.ContinuousSeries{
        Name:    "Series 1",
        XValues: chart.Seq{Sequence: chart.NewLinearSequence().WithStart(0).WithEnd(10).WithStep(1)},
        YValues: chart.Seq{Sequence: chart.NewRandomSequence().WithLen(10)},
    }
    series2 := chart.ContinuousSeries{
        Name:    "Series 2",
        XValues: chart.Seq{Sequence: chart.NewLinearSequence().WithStart(0).WithEnd(10).WithStep(1)},
        YValues: chart.Seq{Sequence: chart.NewRandomSequence().WithLen(10)},
    }

    graph := chart.BarChart{
        Width:  600,
        Height: 400,
        Bars:   series1,
        SecondaryBars: series2,
    }

    f, _ := os.Create("multi_series_bar_chart.png")
    defer f.Close()
    graph.Render(chart.PNG, f)
}

ในตัวอย่างนี้ แผนภูมิมีการรวมชุดข้อมูลมากกว่าหนึ่งชุดเข้าด้วยกันภายในแผนภูมิเดียว เพื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มข้อมูลที่ต่างกัน

3. Usecase ของแผนภูมิแท่งในโลกจริง

แผนภูมิแท่งสามารถใช้ในหลายโอกาส เช่น:

- การประเมินผลการขายของผลิตภัณฑ์ต่างๆในช่วงเวลาต่างๆ

- การสรุปผลการสำรวจความคิดเห็น

- การเปรียบเทียบผลประกอบการของบริษัทในแต่ละไตรมาสหรือปีการภาพ

การสร้างแผนภูมิแท่งด้วย Golang ทำให้การแสดงข้อมูลง่ายและทำได้รวดเร็ว ซึ่งมีคุณค่ามากในพื้นที่การทำงานที่ต้องการนำเสนอข้อมูลที่ยุ่งยากให้เข้าใจง่ายขึ้น

4. สรุป

การสร้างแผนภูมิแท่งด้วย Golang เป็นทักษะที่มีค่าและประโยชน์สำหรับนักพัฒนาและนักวิเคราะห์ข้อมูลที่ต้องการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ด้วย library ที่มีคุณภาพ เช่น `gonum/plot` หรือ `go-chart` ปัญหาสลับซับซ้อนสามารถถูกแปลงให้เป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่าย นำมาซึ่งการตัดสินใจที่ดีขึ้นและปรับปรุงกระบวนการทำงาน

หากคุณสนใจเพิ่มเติมในการเรียนรู้การโปรแกรมและอยากจะข้ามขึ้นเป็นชั้นขั้นต่อไปในการเป็นมือโปรแล้วล่ะก็ EPT (Expert-Programming-Tutor) นำเสนอหลักสูตรการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้พื้นฐานหรือการเจาะลึกไปยังเทคนิคการโปรแกรมเพิ่มเติม การศึกษาที่ EPT จะช่วยเพิ่มทักษะและความเข้าใจของคุณในการเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพและวิธีการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่ทันสมัยและมีผลกระทบ.

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง