ค้นพบการเรียงลำดับข้อมูลด้วย Selection Sort ในภาษา Golang

 

**การเรียงลำดับข้อมูล (Sorting)** เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของวิทยาการคอมพิวเตอร์ ที่มีความจำเป็นเหลือเกินในการพัฒนาโปรแกรมหลากหลายประเภท และหนึ่งในอัลกอริทึมการเรียงลำดับที่เรียบง่ายแต่ก็ได้รับความนิยมคือ **Selection Sort** เป็นอัลกอริทึมที่เลือกองค์ประกอบที่เล็กที่สุด (หรือใหญ่ที่สุด) แล้วสลับมาไว้ที่ตำแหน่งที่มันควรจะอยู่ในสมมติว่าเป็นการเรียงจากน้อยไปมากนั่นเอง

 

Selection Sort คืออะไร?

Selection Sort เป็นอัลกอริทึมการเรียงลำดับข้อมูลแบบหนึ่งที่ทำความเข้าใจได้ง่ายและมีการใช้งานที่ชัดเจน มันทำงานโดยการย้ายไปที่ละองค์ประกอบในอาร์เรย์ (Array) แล้วค้นหาค่าที่เล็กที่สุดในส่วนของอาร์เรย์ที่ยังไม่ได้เรียงลำดับ เมื่อหาเจอแล้ว มันจะสลับที่กับองค์ประกอบที่อยู่ในตำแหน่งเริ่มต้นของส่วนยังไม่เรียงนั้น

package main

import "fmt"

func selectionSort(items []int) {
    n := len(items)
    for i := 0; i < n-1; i++ {
        minIndex := i
        for j := i + 1; j < n; j++ {
            if items[j] < items[minIndex] {
                minIndex = j
            }
        }
        items[i], items[minIndex] = items[minIndex], items[i]
    }
}

func main() {
    sample := []int{29, 10, 14, 37, 13}
    selectionSort(sample)
    fmt.Println(sample) // Output: [10 13 14 29 37]
}

คำอธิบาย: ฟังก์ชั่น `selectionSort` รับพารามิเตอร์เป็น slice ของ int และทำการเรียงลำดับข้อมูลให้เป็นเช่นกัน ในฟังก์ชั่น `main` เราทดลองเรียกใช้ฟังก์ชั่น `selectionSort` กับอาร์เรย์ตัวอย่างและแสดงผลลัพธ์ออกมา

 

Usecase ในโลกจริง

แม้ Selection Sort จะไม่ใช่อัลกอริทึมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการเรียงลำดับข้อมูล แต่ก็มีสถานการณ์ที่อาจจะเหมาะสม เช่น การใช้งานกับข้อมูลชุดเล็กๆ ที่การแสดงผลหรือการใช้งานไม่ต้องการความรวดเร็วสูงสุด หรือสำหรับการสอนหลักการพื้นฐานของการเรียงลำดับให้กับผู้เรียนที่เพิ่งเริ่มต้น

 

Complexity ของ Selection Sort

- Time Complexity: โดยทั่วไป, Selection Sort มีเวลาการทำงานเป็น O(n^2) เนื่องจากมีการวนลูป 2 ชั้น

- Space Complexity: O(1) เนื่องจากมันใช้พื้นที่เพิ่มเติมคงที่ไม่ขึ้นกับขนาดของข้อมูลที่เรียง

 

ข้อดีและข้อเสียของ Selection Sort

*ข้อดี:*

1. ง่ายต่อการทำความเข้าใจและนำไปใช้งาน

2. มี Space Complexity ที่ต่ำ เพราะไม่ต้องใช้พื้นที่เพิ่มเติมในการเรียงลำดับ

3. การทำงานจะมีจำนวนการสลับที่ค่อนข้างน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับอัลกอริทึมอื่นๆ

*ข้อเสีย:*

1. ไม่เหมาะกับข้อมูลขนาดใหญ่ เพราะมี Time Complexity ที่สูง

2. ประสิทธิภาพการทำงานเป็นไปในรูปแบบตายตัว ไม่ว่าข้อมูลจะเรียงลำดับอยู่แล้วหรือไม่ก็ตาม

 

สรุป

Selection Sort เป็นอัลกอริทึมที่ควรทำความเข้าใจเพราะมันบ่งบอกหลักการพื้นฐานของการเรียงลำดับ อย่างไรก็ตาม ในการใช้งานจริง เราอาจจะพบว่ามีอัลกอริทึมที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าเช่น Quick sort หรือ Merge sort สำหรับผู้ที่ชื่นชอบและอยากสำรวจโลกของการเรียงลำดับข้อมูลอย่างลึกซึ้ง ที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) เรามีหลักสูตรที่จะนำพาคุณไปสู่ความเป็นมืออาชีพในการเข้าใจและใช้งานอัลกอริทึมการเรียงลำดับ พร้อมทั้งเทคนิคการเขียนโปรแกรมแห่งปัจจุบันได้อย่างคล่องแคล่ว สมัครเรียนได้เลย ค้นหาว่าโลกแห่งข้อมูลที่เรียงลำดับอย่างมีประสิทธิภาพนั้นสวยงามเพียงใด!

 

 

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง