การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับการสร้างซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการใช้โครงสร้างและอัลกอริธึมที่มีประสิทธิภาพเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ในการทำงานกับข้อมูลหนึ่งในอัลกอริธึมที่สำคัญที่นักพัฒนาและนักเรียนควรรู้จักคือ "Selection Sort" ซึ่งในบทความนี้เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับอัลกอริธึมนี้อย่างละเอียด ตั้งแต่หลักการทำงานไปจนถึงตัวอย่างโค้ดในภาษา Swift
Selection Sort เป็นอัลกอริธึมสำหรับการจัดเรียงข้อมูลที่มีวิธีการทำงานที่เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพต่ำเมื่อใช้จัดเรียงข้อมูลขนาดใหญ่ โดยหลักการทำงานของ Selection Sort จะทำการค้นหาค่าที่น้อยที่สุดในลิสต์ที่ยังไม่ได้ถูกจัดเรียง จากนั้นจะนำค่าเหล่านั้นไปวางในตำแหน่งที่ถูกต้อง ผ่านกระบวนการนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งข้อมูลทั้งหมดถูกจัดเรียงแล้ว
หลักการทำงานของ Selection Sort
1. เริ่มต้นด้วยการค้นหาค่าต่ำสุดในลิสต์ที่ยังไม่ได้ถูกจัดเรียง
2. สลับค่าต่ำสุดที่พบกับค่าที่อยู่ในตำแหน่งเริ่มต้น
3. ย้ายไปยังตำแหน่งถัดไปและทำซ้ำขั้นตอนที่ 1 และ 2 จนกว่าทั้งหมดยังถูกจัดเรียง
ลองมาดูตัวอย่างโค้ดที่ใช้ในการจัดเรียงอาร์เรย์ด้วย Selection Sort ในภาษา Swift กัน:
คำอธิบายโค้ด
1. ฟังก์ชัน `selectionSort` รับอาร์เรย์ที่เป็นแบบ pass-by-reference (ใช้ `inout`) เพื่อให้สามารถเปลี่ยนแปลงอาร์เรย์ได้
2. ในลูปแรกเราจะวนผ่านตำแหน่งต่าง ๆ ของอาร์เรย์ โดยจะใช้ตัวแปร `minIndex` เพื่อเก็บตำแหน่งของค่าที่น้อยที่สุด
3. ในลูปที่สอง เราจะทำการเปรียบเทียบค่าที่เริ่มต้นและค่าที่อยู่ในตำแหน่งหลัง ๆ ว่ามีค่าต่ำกว่าหรือไม่
4. ถ้าพบค่าที่ต่ำกว่า จะทำการอัปเดต `minIndex`
5. หลังจากค้นหาค่าที่ต่ำที่สุดเสร็จสิ้น จะทำการสลับค่ากับค่าในตำแหน่งเริ่มต้น
ใช้ Selection Sort อาจจะไม่เหมาะสำหรับการจัดเรียงข้อมูลขนาดใหญ่ แต่จะมีการใช้งานที่เหมาะสมในกรณีต่อไปนี้:
1. การจัดเรียงข้อมูลน้อย: ด้วยวิธีการที่เรียบง่าย Selection Sort สามารถใช้ได้ดีในกรณีที่มีข้อมูลน้อย. 2. การศึกษาทฤษฎีการจัดเรียง: การใช้ Selection Sort เป็นการศึกษาอัลกอริธึมการจัดเรียงได้ง่ายเพราะเข้าใจง่ายและเหมาะสำหรับการสอน. 3. การทำงานที่มีข้อจำกัดด้านหน่วยความจำ: เพราะไม่จำเป็นต้องใช้สเปซเพิ่มเพื่อเก็บข้อมูลที่จะจัดเรียงใหม่ มันจึงสามารถทำงานได้โดยใช้ความจำต่ำ.
เวลาซับซ้อน (Time Complexity)
- ดีที่สุด: O(n^2) (กรณีที่อาร์เรย์ถูกจัดเรียงแล้ว) - เฉลี่ย: O(n^2) - แย่ที่สุด: O(n^2)พื้นที่ซับซ้อน (Space Complexity)
- O(1) (โดยไม่มีการใช้งานหน่วยความจำเพิ่มเพื่อการจัดเรียง)
ข้อดี
1. เข้าใจง่าย: ตัวอัลกอริธึมมีความเรียบง่ายและสามารถเข้าใจได้ง่าย 2. ไม่ต้องการหน่วยความจำเพิ่มเติม: ควบคุมหน่วยความจำได้ดี เพราะทำงานในคืนชีพข้อเสีย
1. ไม่เหมาะสำหรับข้อมูลขนาดใหญ่: ความซับซ้อนเวลาสูงทำให้ไม่เหมาะถ้าต้องจัดเรียงข้อมูลจำนวนมาก 2. การเปรียบเทียบที่มาก: มีการเปรียบเทียบที่มาก ทำให้ใช้เวลานานเมื่อข้อมูลมีปริมาณมาก
Selection Sort เป็นอัลกอริธึมการจัดเรียงที่ง่าย ๆ และเข้าใจได้ง่าย ซึ่งเหมาะสมสำหรับการศึกษาและการใช้งานในกรณีที่มีข้อมูลน้อย มีค่าใช้จ่ายทางด้านเวลาและการจัดเก็บที่ต่ำ แต่จากการวิเคราะห์ความซับซ้อนทำให้เราไม่ควรใช้ในกรณีที่ข้อมูลมีขนาดใหญ่มาก
ในยุคที่ข้อมูลมีอยู่รอบตัว การเรียนรู้การเขียนโปรแกรมและการใช้โครงสร้างข้อมูลและอัลกอริธึมที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณพัฒนาและแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณสนใจศึกษาการเขียนโปรแกรมและเพิ่มพูนความรู้ในอัลกอริธึม การเรียนที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) จะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ มาร่วมเปิดโลกแห่งการเขียนโปรแกรมกันเถอะ!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM