การเรียงลำดับข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญของหลายๆ อัลกอริทึมในการคำนวณและการประมวลผลข้อมูลทั้งหลาย ท่ามกลางเทคนิคต่างๆ ที่ใช้ในการเรียงลำดับนั้น Selection Sort เป็นหนึ่งในวิธีที่มีหลักการง่ายดายและเข้าใจได้ไม่ยาก ในบทความนี้เราจะมาสำรวจ Algorithm นี้อย่างละเอียด, ยกตัวอย่างโค้ดผ่านภาษา Python, พูดถึง usecase ที่เหมาะสม, วิเคราะห์ความซับซ้อน, และหารือถึงข้อดีข้อเสียของ Selection Sort กันครับ
Selection Sort เป็น Algorithm สำหรับการเรียงลำดับข้อมูลแบบเรียบง่าย ซึ่งมีหลักการดำเนินงานโดยการค้นหาข้อมูลที่ 'น้อยที่สุด' (หรือ 'มากที่สุด' หากเรียงจากมากไปน้อย) และทำการสลับมันเข้าไปยังตำแหน่งที่ถูกต้องตามลำดับทีละขั้นตอนจนข้อมูลทั้งหมดถูกเรียงลำดับ
ถ้ากล่าวอย่างละเอียด การทำงานของ Selection Sort สามารถพูดได้ดังนี้:
1. ค้นหาข้อมูลที่มีค่าน้อยที่สุดใน list หรือ array ของข้อมูลที่ยังไม่ได้เรียงลำดับ
2. ทำการสลับข้อมูลที่มีค่าน้อยที่สุดนั้นไปยังตำแหน่งแรกของ list หรือ array
3. ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1 และ 2 กับ list ย่อยที่เหลือ (ข้ามข้อมูลที่ถูกเรียงไปแล้ว)
4. ดำเนินการต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งข้อมูลทั้งหมดเรียงลำดับครบถ้วน
def selection_sort(arr):
for i in range(len(arr)):
# สมมติว่าตำแหน่งที่ i คือมีค่าน้อยที่สุด
min_idx = i
for j in range(i+1, len(arr)):
if arr[min_idx] > arr[j]:
min_idx = j
# สลับข้อมูลเพื่อนำค่าน้อยที่สุดไปอยู่ที่ตำแหน่งที่ถูกต้อง
arr[i], arr[min_idx] = arr[min_idx], arr[i]
return arr
# ตัวอย่างการใช้งาน
sample_array = [64, 25, 12, 22, 11]
sorted_array = selection_sort(sample_array)
print("Sorted array is:", sorted_array)
Selection Sort เหมาะที่จะเป็นตัวเลือกเมื่อปริมาณข้อมูลน้อยๆ, ทรัพยากรคอมพิวเตอร์มีจำกัด, หรือในสภาพแวดล้อมการสอนเพื่อทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานของการเรียงลำดับ แต่ไม่ค่อยถูกใช้งานในระบบจริงที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เนื่องจากมีความซับซ้อนต่ำและไม่มีประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับ Algorithm เรียงลำดับชั้นนำอื่นๆ
อัลกอริทึม Selection Sort มีความซับซ้อนในโหมด "worst-case", "average-case", และ "best-case" อยู่ที่ O(n^2) เนื่องจากมีการใช้ loop ซ้อนกัน 2 ชั้นที่แต่ละชั้นต้องวนซ้ำเป็นจำนวนครั้งเทียบได้กับจำนวนวัตถุทั้งหมดใน list
ข้อดี:
1. ง่ายต่อการทำความเข้าใจและการเขียนโค้ด
2. การใช้งานหน่วยความจำน้อย เนื่องจากมีการสลับข้อมูลเพียงครั้งเดียวในแต่ละรอบการเรียงลำดับ
3. เหมาะสำหรับข้อมูลชุดเล็กๆ
ข้อเสีย:
1. ไม่เหมาะสำหรับข้อมูลขนาดใหญ่เนื่องจากมีประสิทธิภาพต่ำ
2. อัลกอริทึมมีประสิทธิภาพต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ Quick Sort, Merge Sort, หรือแม้แต่ Insertion Sort ในสถานการณ์จริง
3. มีความซับซ้อนทางเวลาในการทำงานที่คงที่ (O(n^2)) ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าข้อมูลจะถูกเรียงลำดับบางส่วนแล้วหรือไม่ก็ตาม
การเรียนรู้ Selection Sort ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความเข้าใจในแนวคิดการเขียนโปรแกรมเท่านั้น แต่ยังช่วยในการเสริมสร้างพื้นฐานดีๆ สำหรับการศึกษาอัลกอริทึมการเรียงลำดับที่ซับซ้อนมากขึ้นต่อไป ที่ EPT หรือ Expert-Programming-Tutor คุณสามารถเรียนรู้และฝึกฝนการเขียนโปรแกรมในหลากหลายภาษา พร้อมทั้งพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในปัจจุบัน เชิญมาร่วมสัมผัสประสบการณ์เรียนรู้ที่น่าตื่นเต้นไปกับเราครับ!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: selection_sort algorithm python sorting programming data_structures complexity_analysis efficiency code_example programming_basics best_practices computer_science performance educational analysis
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM