การใช้งาน Longest palindrome in string ในภาษา Golang แบบง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง

# การค้นหา Longest Palindrome ในสตริงด้วยภาษา Golang

การค้นหาพาลินโดรมที่ยาวที่สุดในสตริง (Longest Palindrome in String) เป็นปัญหาคลาสสิกที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องเจอ ไม่ว่าจะในสนามของการแข่งขันการเขียนโค้ด หรือในงานประจำวันที่ต้องประมวลผลข้อความ ในบทความนี้ เราจะดูวิธีการหาพาลินโดรมที่ยาวที่สุดในสตริงด้วยภาษา Golang และพิจารณา usecase ในโลกจริงที่คุณอาจพบเห็นได้

อธิบายพาลินโดรม (Palindrome)

ก่อนอื่น มารู้จักกับคำว่า "พาลินโดรม" กันก่อน พาลินโดรม คือ ลำดับของตัวอักษรที่สามารถอ่านได้เหมือนกันไม่ว่าจะอ่านจากหน้าไปหลังหรือจากหลังไปหน้า เช่น "radar" หรือ "level"

ตัวอย่างโค้ดในภาษา Golang

โค้ดตัวอย่างที่ 1: การหาพาลินโดรมแบบ Brute Force

 package main

import "fmt"

func isPalindrome(s string) bool {
    for i := 0; i < len(s)/2; i++ {
        if s[i] != s[len(s)-1-i] {
            return false
        }
    }
    return true
}

func longestPalindrome(s string) string {
    maxLen := 0
    longest := ""
    for i := range s {
        for j := i + 1; j <= len(s); j++ {
            subString := s[i:j]
            if isPalindrome(subString) && len(subString) > maxLen {
                maxLen = len(subString)
                longest = subString
            }
        }
    }
    return longest
}

func main() {
    fmt.Println(longestPalindrome("babad")) // Output: "bab"
}

โค้ดตัวอย่างที่ 2: การหาพาลินโดรมแบบ Expand Around Center

 package main

import "fmt"

func expandAroundCenter(s string, left int, right int) string {
    for left >= 0 && right < len(s) && s[left] == s[right] {
        left--
        right++
    }
    return s[left+1 : right]
}

func longestPalindrome(s string) string {
    if len(s) < 1 {
        return ""
    }
    longest := ""
    for i := 0; i < len(s); i++ {
        // Odd length palindromes
        p1 := expandAroundCenter(s, i, i)
        // Even length palindromes
        p2 := expandAroundCenter(s, i, i+1)
        if len(p1) > len(longest) {
            longest = p1
        }
        if len(p2) > len(longest) {
            longest = p2
        }
    }
    return longest
}

func main() {
    fmt.Println(longestPalindrome("cbbd")) // Output: "bb"
}

โค้ดตัวอย่างที่ 3: การใช้ Dynamic Programming

 package main

import "fmt"

func longestPalindrome(s string) string {
    n := len(s)
    if n < 2 {
        return s
    }

    start, maxLength := 0, 1
    dp := make([][]bool, n)
    for i := range dp {
        dp[i] = make([]bool, n)
    }

    for i := 0; i < n; i++ {
        dp[i][i] = true
    }

    for i := n - 1; i >= 0; i-- {
        for j := i + 1; j < n; j++ {
            if s[i] == s[j] {
                if j-i == 1 || dp[i+1][j-1] {
                    dp[i][j] = true
                    if maxLength < j-i+1 {
                        maxLength = j-i+1
                        start = i
                    }
                }
            }
        }
    }

    return s[start : start+maxLength]
}

func main() {
    fmt.Println(longestPalindrome("forgeeksskeegfor")) // Output: "geeksskeeg"
}

Usecase ในโลกจริงของ Longest Palindrome

หนึ่งใน usecase ที่น่าสนใจของการหา Longest Palindrome คือ การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีการประมวลผลข้อความ อย่างเช่น ซอฟต์แวร์ด้านการยืนยันตัวตน (Identity Verification Software) โดยบางครั้งอาจมีการตรวจจับลายเซ็นที่เป็นพาลินโดรมเพื่อใช้เป็นลายเซ็นทางคณิตศาสตร์เฉพาะบุคคล หรือการพัฒนาเกมที่ต้องมีการจับคู่คำที่เป็นพาลินโดรมเพื่อเพิ่มความท้าทายให้กับผู้เล่น

นอกจากนี้ ในการวิเคราะห์ข้อมูลข้อความ (Text Analytics) อาจมีการค้นหาพาลินโดรมเพื่อพิจารณาคุณลักษณะของข้อความ หรือเพื่อสร้างรหัสนำหน้าและท้าย (Prefix and Suffix Codes) ในการเข้ารหัสข้อมูลต่างๆ

การที่เราสามารถจัดการกับข้อความอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ทำให้เราสามารถก้าวหน้าในการสร้างซอฟต์แวร์ที่มีความซับซ้อนและมีการประมวลผลข้อมูลที่ชาญฉลาด ถ้าคุณมีความสนใจที่จะพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมของคุณให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ที่โรงเรียนการเขียนโปรแกรม EPT ของเราพร้อมที่จะช่วยคุณเข้าถึงปัญหาท้าทายและฝึกฝนทักษะการเขียนโค้ดให้เชี่ยวชาญ หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้และฝึกฝนการเขียนโปรแกรมที่มีคุณภาพ เชิญร่วมสนุกกับเราที่ EPT ได้เลยครับ!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง