# เคล็ดไม่ลับเข้าใจง่ายๆ กับ "if-else" ใน Golang ที่ EPT
การเขียนโปรแกรมคือศิลปะแห่งการสร้างคำตอบสำหรับปัญหาต่างๆ ที่เราประสบพบเจอในวิถีชีวิตและงานประจำวัน ภาษาโปรแกรม Go หรือ Golang ถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมของ Google ด้วยจุดเด่นความเรียบง่ายและประสิทธิภาพสูง วันนี้ เราจะพูดถึงองค์ประกอบพื้นฐานในการเขียนโปรแกรมที่เร้าใจไม่แพ้เรื่องอื่นๆ นั่นคือ "if-else" พร้อมด้วยตัวอย่างการใช้งานจากประสบการณ์จริงที่คุณสามารถพบเห็นได้ในโลกทั้งในและนอกห้องเรียนที่ EPT!
"`if-else`" เป็นตัวดำเนินการควบคุมการไหลของโปรแกรมที่ทำให้เราสามารถกำหนดเงื่อนไขให้โปรแกรมตัดสินใจได้ว่าจะทำงานอย่างไรในสถานการณ์ต่างๆ หากเงื่อนไข `if` เป็นจริง โปรแกรมจะดำเนินการตามบล็อกนั้นๆ หากไม่ มันอาจจะดำเนินการในส่วน `else` หรือข้ามไปเลยก็ได้หากไม่มีส่วน `else`.
ภาษา Go มีหลักการเขียน `if-else` ที่เรียบง่ายไม่แตกต่างจากภาษาโปรแกรมอื่นๆ มากนัก โดยมีโครงสร้างดังนี้:
if condition {
// โค้ดที่จะทำงานหาก condition เป็นจริง
} else {
// โค้ดที่จะทำงานหาก condition เป็นเท็จ
}
ตัวอย่างการใช้งาน
ลองมาดูตัวอย่างการใช้งาน `if-else` ใน Go กัน:
package main
import "fmt"
func main() {
score := 82
if score >= 80 {
fmt.Println("คุณมีเกรดเป็น 'A'")
} else if score >= 70 {
fmt.Println("คุณมีเกรดเป็น 'B'")
} else {
fmt.Println("คุณต้องพยายามมากขึ้นนะ!")
}
}
อธิบายการทำงาน: โปรแกรมเริ่มที่การตรวจสอบคะแนนที่เก็บในตัวแปร `score` และเช็คเงื่อนไขต่างๆ โดยเริ่มจากเงื่อนไขเกรด `A` (คะแนนตั้งแต่ 80 ขึ้นไป) หากไม่ตรงตามเงื่อนไขจะไปเช็คเงื่อนไขถัดไป และถ้าไม่ตรงเงื่อนไขใดเลยก็จะดำเนินการตามส่วน `else`.
1. การตัดสินใจคำนวณส่วนลดพิเศษในระบบอีคอมเมิร์ซ
package main
import "fmt"
func main() {
totalPrice := 5500.00
var discount float64
if totalPrice >= 10000 {
discount = 0.20 // ส่วนลด 20%
} else if totalPrice >= 5000 {
discount = 0.10 // ส่วนลด 10%
} else {
discount = 0
}
finalPrice := totalPrice - (totalPrice * discount)
fmt.Printf("ราคาสุทธิที่ต้องชำระ: %.2f บาท\n", finalPrice)
}
อธิบายการทำงาน: ระบบจะทำการตรวจสอบยอดรวมการซื้อ และกำหนดส่วนลดตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ในที่นี้คือยอดรวม 5,500 บาทจะได้ส่วนลด 10% และคำนวณราคาสุทธิ.
2. ระบบอัตโนมัติควบคุมอุณหภูมิในบ้าน
package main
import "fmt"
func main() {
currentTemp := 26
desiredTemp := 22
if currentTemp > desiredTemp {
fmt.Println("ระบบขอทำการเปิดแอร์...")
// โค้ดสำหรับเปิดแอร์
} else if currentTemp < desiredTemp {
fmt.Println("ระบบขอทำการปิดแอร์...")
// โค้ดสำหรับปิดแอร์
} else {
fmt.Println("อุณหภูมิปัจจุบันเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องปรับแก้")
}
}
อธิบายการทำงาน: ระบบนี้จะตรวจจับอุณหภูมิปัจจุบันและเปรียบเทียบกับอุณหภูมิที่ต้องการ เพื่อควบคุมการเปิดปิดแอร์ให้เกิดความสะดวกสบาย.
ที่ EPT, เราเชื่อว่าการเรียนรู้จากตัวอย่างและการปฏิบัติจริงเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้การเขียนโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพ การใช้ `if-else` เป็นเพียงพื้นฐาน แต่เมื่อคุณเข้าใจและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ คุณจะพบว่าโลกแห่งการเขียนโปรแกรมนั้นกว้างใหญ่และน่าตื่นเต้นเหลือเกิน พร้อมที่จะเริ่มการเดินทางในโลกของโค้ดกับเราที่ EPT หรือยัง? มาเขียนเรื่องราวใหม่ในชีวิตคุณด้วยสกิลการเขียนโปรแกรมกันเถอะ!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: if-else golang programming conditional decision-making control_flow example go_language coding tutorial real-life_examples
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com