Muller's Method เป็นอัลกอริทึมที่ใช้ในการหาคำตอบของสมการทางคณิตศาสตร์ โดยเฉพาะสมการที่มีรากเป็นจำนวนเชิงซ้อน (complex roots) ของหนึ่งตัวแปร เช่น สมการพหุนาม (polynomial equations) อัลกอริทึมนี้พัฒนาโดย David E. Muller ในปี 1956 ซึ่งเป็นการปรับปรุงจากวิธีของ Newton-Raphson และ Secant Method ให้สามารถหาคำตอบที่เป็นจำนวนเชิงซ้อนได้ด้วย
Muller's Method ใช้จุดข้อมูลสามจุดในการสร้างพหุนามของอันดับที่สอง (quadratic polynomial) ที่ตรงกับจุดเหล่านั้น แล้วจึงใช้สมการของพหุนามนั้นเพื่อหาจุดกระแทก (intersection) กับแกน x ซึ่งจะได้ค่า x ใหม่สำหรับการประมาณค่า วิธีนี้ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้คำตอบที่ต้องการภายในค่าความคลาดเคลื่อนที่กำหนด
ข้อดี:
1. สามารถหาคำตอบที่เป็นจำนวนเชิงซ้อนได้
2. มีประสิทธิภาพดีในการสำหรับการหารากของสมการซึ่งมีรากใกล้เคียงกันมากๆ
ข้อเสีย:
1. การคำนวณอาจซับซ้อนกว่าวิธีอื่นๆ เช่น Newton-Raphson หรือ Secant Method
2. ต้องการค่าเริ่มต้นสามจุดซึ่งส่งผลต่อความแม่นยำและความเร็วในการลู่เข้าสู่คำตอบ
Muller's Method มี complexity โดยทั่วไปแล้วค่อนข้างยากต่อการประเมินเพราะมันขึ้นอยู่กับคุณภาพของค่าเริ่มต้นและความใกล้เคียงของคำตอบ ถ้าคำตอบที่แท้จริงเป็นเชิงซ้อน, การคำนวณเหล่านั้นอาจยืดเยื้อมากขึ้นและเพิ่มระยะเวลาในการประมาณค่าเมื่อเทียบกับรากจริงที่เป็นจำนวนจริง (real roots).
package main
import (
"fmt"
"math/cmplx"
)
// Define the function for which we want to find the root
func f(x complex128) complex128 {
return x*x*x - x - 1 // Change this to your actual function
}
// Muller's Method to approximate root
func mullerMethod(x0, x1, x2, tol complex128, maxIter int) (complex128, error) {
h1 := x1 - x0
h2 := x2 - x1
delta1 := (f(x1) - f(x0)) / h1
delta2 := (f(x2) - f(x1)) / h2
d := (delta2 - delta1) / (h2 + h1)
var i int
for i = 0; i < maxIter; i++ {
b := delta2 + h2*d
D := cmplx.Sqrt(b*b - 4*f(x2)*d)
var E complex128
if cmplx.Abs(b-D) < cmplx.Abs(b+D) {
E = b + D
} else {
E = b - D
}
h := -2 * f(x2) / E
x3 := x2 + h
if cmplx.Abs(h) < tol {
return x3, nil
}
x0 = x1
x1 = x2
x2 = x3
h1 = x1 - x0
h2 = x2 - x1
delta1 = (f(x1) - f(x0)) / h1
delta2 = (f(x2) - f(x1)) / h2
d = (delta2 - delta1) / (h2 + h1)
}
return 0, fmt.Errorf("failed to converge after %d iterations", maxIter)
}
func main() {
// Assumed initial points and tolerance
x0 := complex(0, 0)
x1 := complex(1, 0)
x2 := complex(2, 0)
tolerance := complex(0.0001, 0)
// Calculate the root using Muller's Method
root, err := mullerMethod(x0, x1, x2, tolerance, 1000) // maxIter can be adjusted
if err != nil {
fmt.Println("Muller's Method did not converge:", err)
} else {
fmt.Printf("The root is: %.4f\n", root)
}
}
Muller's Method มักถูกใช้ในวิทยาการคอมพิวเตอร์และวิศวกรรม ตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมการเงินเพื่อคำนวณอัตราดอกเบี้ยนามธรรมจากสมการลูกหนี้ประเภทต่างๆ หรือในวิทยาการจักรวาลเพื่อหาวงโคจรของวัตถุท้องฟ้าโดยใช้สมการต่างๆ ในทางกลศาสตร์โคจร
ในส่วนของการเชิญชวนนักเรียนมาศึกษาที่ EPT ของเรา บทความนี้ได้นำเสนอหลักการทำงานของการหาคำตอบสมการที่มีความสลับซับซ้อนและซ่อนเร้นไปด้วยคำถามที่น่าสนใจ ผู้ที่ต้องการความท้าทายและอยากรู้ว่าจะหาคำตอบที่คาดไม่ถึงได้อย่างไร โรงเรียน EPT ของเราพร้อมที่จะพาคุณค้นหาคำตอบเหล่านั้นผ่านหลักสูตรการเขียนโปรแกรมที่สมัยใหม่และมีคุณภาพสูง สำหรับผู้ที่หิวกระหายความรู้และอยากพัฒนาทักษะในการแก้ปัญหาอย่างไร้ขีดจำกัด!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: mullers_method golang algorithm complex_roots newton-raphson secant_method polynomial_equations programming mathematics computational_science
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM