ภาษา Go เป็นภาษาที่มีลักษณะเฉพาะหลายอย่าง แต่หนึ่งในลักษณะที่โดดเด่นคือการนำเสนอแนวคิดการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (OOP) ในรูปแบบที่แตกต่างจากภาษาโปรแกรมอื่นๆ เช่น Java หรือ C++. ภาษา Go เลือกที่จะใช้องค์ประกอบ (Composition) แทนการสืบทอด (Inheritance) ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวคิดหลักของการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุแบบดั้งเดิม
ก่อนที่จะกล่าวถึงรายละเอียดของ Composition ในภาษา Go เราควรเข้าใจก่อนว่าทำไมการใช้ Composition ถึงได้รับความนิยมใน Go และแม้กระทั่งในภาษาโปรแกรมและดีไซน์พัฒนาซอฟต์แวร์สมัยใหม่
1. ความยืดหยุ่นในการออกแบบ: Composition ช่วยให้สามารถรวมคุณลักษณะจากหลาย ๆ ส่วนเข้ามาในคลาสหรืออินสแตนซ์เดียวได้โดยไม่ต้องสร้างเครือข่ายการสืบทอดที่ซับซ้อน 2. การหลีกเลี่ยงปัญหาในแนวคิดการสืบทอด: การสืบทอดสามารถนำไปสู่ปัญหาความซับซ้อน เช่น "Fragile Base Class Problem" หรือการที่การเปลี่ยนแปลงในคลาสฐานกระทบต่อทุกคลาสที่สืบทอดมาจากมัน 3. สนับสนุนแนวคิด "ก้อนอิฐ": คือการสร้างระบบที่ประกอบไปด้วยหน่วยย่อยที่สามารถนำมาประกอบกันเพื่อเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ
การทำ Composition ในภาษา Go ประกอบไปด้วยการใช้ Embedded Types หรือการฝังประเภท ซึ่งทำให้โครงสร้างข้อมูลสามารถมีพฤติกรรมคล้ายคลาสย่อยแต่ไม่ต้องอาศัยการสืบทอด นี่คือตัวอย่างการใช้งาน Composition ใน Go:
package main
import "fmt"
// Define a basic struct
type Animal struct {
Name string
Age int
}
// Define another struct that will 'embed' the Animal struct
type Dog struct {
Animal // Embedding Animal
Breed string
}
func (a Animal) Speak() {
fmt.Printf("Hi, I'm %s and I'm %d years old.\n", a.Name, a.Age)
}
func main() {
myDog := Dog{
Animal: Animal{
Name: "Buddy",
Age: 5,
},
Breed: "Golden Retriever",
}
// Access methods and fields from embedded struct directly
myDog.Speak()
fmt.Println("I am a", myDog.Breed)
}
การใช้งาน Composition
ในตัวอย่างข้างต้น เราได้สร้างโครงสร้าง `Animal` และทำการฝังมันลงในโครงสร้าง `Dog` การฝังนี้ช่วยให้โครงสร้าง `Dog` สามารถเข้าถึงคุณสมบัติและฟังก์ชันของ `Animal` ได้ทันทีโดยไม่ต้องสืบทอด (Inherit)
ข้อดีของการใช้ Composition
1. ความง่ายในการบำรุงรักษา: เนื่องจากไม่มีการสืบทอดลำดับชั้นที่ซับซ้อน, ทำให้การบำรุงรักษาและการขยายระบบเป็นไปอย่างยืดหยุ่น 2. ส่งเสริมการใช้ซ้ำของโค้ด: สามารถใช้งานโค้ดเดิมในหลายๆ ส่วนได้ง่ายขึ้น 3. รักษาหลักการ Single Responsibility: ทำให้แต่ละส่วนของโค้ดมีหน้าที่เฉพาะตัวการประยุกต์ใช้งาน Composition ในโปรเจคจริง
การใช้ Composition ในโปรเจคจริงสามารถนำไปใช้ในหลายสถานการณ์ โปรแกรมเมอร์สามารถวางโครงสร้าง objects ที่ซับซ้อนโดยใช้ block เล็กๆ ที่ถูกทดสอบการทำงานแยกกัน ทำให้แน่ใจได้ว่าส่วนประกอบต่างๆ ทำงานได้ดีตามที่คาดหวัง
ภาษา Go นั้นได้รับการออกแบบโดยใช้แนวคิดที่คาดหวังให้ง่ายต่อการพัฒนาและเสริมความยืดหยุ่นในการใช้งาน การเรียนรู้แนวคิด Composition และการฝังประเภทใน Go ถือเป็นทักษะที่สำคัญและเป็นประโยชน์สำหรับนักพัฒนาโปรแกรมที่ต้องการสร้างระบบซอฟต์แวร์ที่หลักแหลมและทนทาน
หากผู้อ่านสนใจต่อยอดการศึกษาหรือฝึกฝนด้านการเขียนโปรแกรมภาษา Go หรือภาษาอื่นๆ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) โรงเรียนสอนเขียนโปรแกรมที่มีหลักสูตรและผู้เชี่ยวชาญพร้อมที่จะพาคุณยกระดับทักษะการเขียนโปรแกรมไปอีกขั้น!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM