เมื่อพูดถึงการพัฒนาโปรแกรมในยุคปัจจุบัน ภาษาโปรแกรมมิ่งที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วอย่าง JavaScript ก็เป็นหนึ่งในภาษาที่มีบทบาทสำคัญมาก โดยเฉพาะหลังจากการประกาศใช้งานมาตรฐาน ES6 ซึ่งได้เพิ่มฟีเจอร์ที่ทรงพลังให้กับภาษา JavaScript หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจเหล่านี้คือ "Class" ซึ่งเป็นการเพิ่มความสามารถในการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object-Oriented Programming หรือ OOP) ให้กับ JavaScript ในบทความนี้ เราจะมุ่งเน้นไปที่แนวคิดของ Encapsulation ภายใน Class ใน JavaScript
#### ทำความเข้าใจ Class ใน JavaScript (ES6)
ก่อนที่เราจะเจาะลึกเรื่อง Encapsulation เรามารู้จักกับ Class กันก่อนดีกว่า Class ใน JavaScript ทำหน้าที่เป็นต้นแบบ (blueprint) สำหรับการสร้างวัตถุ (object) ซึ่งสามารถมีตัวแปรและฟังก์ชันที่เป็นสมาชิกได้
class Vehicle {
constructor(type, wheels) {
this.type = type;
this.wheels = wheels;
}
displayInfo() {
console.log(`Vehicle Type: ${this.type}, Wheels: ${this.wheels}`);
}
}
let car = new Vehicle('Car', 4);
car.displayInfo(); // Vehicle Type: Car, Wheels: 4
จากตัวอย่างข้างต้น `Vehicle` เป็น class ที่รับ `type` และจำนวน `wheels` เป็นพารามิเตอร์และมีฟังก์ชัน `displayInfo` สำหรับแสดงข้อมูลของวัตถุ
#### Encapsulation ใน Class ทำอย่างไร?
Encapsulation เป็นหลักการหนึ่งของ OOP ที่ช่วยปกป้องข้อมูลหรือฟังก์ชันภายใน class จากการถูกเข้าถึงโดยตรงจากภายนอก ซึ่งช่วยให้ข้อมูลภายใน class เกิดความปลอดภัย และสามารถควบคุมการเข้าถึงได้เพื่อป้องกันการใช้งานที่ผิดพลาด
แม้ว่า JavaScript จะไม่มีการสนับสนุน Encapsulation แบบเต็มรูปแบบเหมือนภาษา OOP อื่น ๆ แต่เราก็สามารถประยุกต์ใช้ได้หลายวิธี ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการใช้ตัวแปร private เช่นการใช้ underscore (_) แบบไม่เป็นทางการเพื่อบ่งบอกว่าเป็นตัวแปรที่ไม่ควรเข้าถึงจากภายนอก หรือใช้ weakMap เพื่อสร้าง property ของ class ที่เป็น private
const _speed = new WeakMap();
class Car {
constructor(speed) {
_speed.set(this, speed);
}
getSpeed() {
return _speed.get(this);
}
setSpeed(value) {
if (value > 0) {
_speed.set(this, value);
} else {
console.log("Invalid speed. Please provide a positive value.");
}
}
}
let myCar = new Car(50);
console.log(myCar.getSpeed()); // 50
myCar.setSpeed(60);
console.log(myCar.getSpeed()); // 60
ในตัวอย่างนี้เราใช้ `WeakMap` เพื่อสร้างตัวแปร `_speed` ที่เก็บข้อมูล private ซึ่งสามารถเข้าถึงได้เฉพาะภายใน class เท่านั้นผ่าน getter และ setter
#### ประโยชน์ของ Encapsulation
การใช้ Encapsulation มีประโยชน์หลายอย่าง ได้แก่:
- การควบคุมการเข้าถึงข้อมูล: ช่วยให้สามารถควบคุมได้ว่าใครสามารถเข้าถึงหรือแก้ไขข้อมูลได้อย่างไร - เพิ่มความปลอดภัย: ป้องกันไม่ให้ข้อมูลภายในถูกเปลี่ยนแปลงโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต - ลดความซับซ้อน: ช่วยซ่อนรายละเอียดที่ไม่จำเป็นจากผู้ใช้งาน ลดความซับซ้อนของโปรแกรม - อำนวยความสะดวกในการบำรุงรักษา: เมื่อข้อมูลถูกปกป้องโดยดี จะเป็นการง่ายต่อการแก้ไขหรือปรับปรุงโค้ดในอนาคต#### สรุป
Encapsulation เป็นหลักการที่มีความสำคัญใน OOP ที่ช่วยให้โครงสร้างของโปรแกรมมีความเป็นระเบียบและปลอดภัยจากการใช้งานที่ผิดพลาด JavaScript ใน ES6 แม้ว่าจะมีลักษณะเฉพาะของ Encapsulation ที่ไม่สมบูรณ์เหมือนบางภาษา แต่เราก็ยังสามารถประยุกต์ใช้หลักการนี้ได้ เพื่อให้งานของเรามีคุณภาพมากขึ้น
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เริ่มต้นหรือมีพื้นฐานในการเขียนโปรแกรม การศึกษาและทำความเข้าใจในแนวคิด Encapsulation จะช่วยเพิ่มทักษะและส่งเสริมให้คุณพัฒนาโปรแกรมได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หากคุณสนใจในการพัฒนาทักษะด้านนี้มากขึ้น EPT ยินดีต้อนรับคุณเสมอที่ Expert-Programming-Tutor สถาบันที่เรามีหลักสูตร JavaScript ที่ล้ำหน้าเพื่อให้คุณสามารถพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมของคุณสู่ระดับมืออาชีพได้อย่างมั่นใจ!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM