การพัฒนาเทคโนโลยีในโลกปัจจุบันนี้เป็นเรื่องของการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มุ่งตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานให้กว้างขวางที่สุด หนึ่งในแนวคิดที่พัฒนาเว็บแอปพลิเคชันหรือผลิตภัณฑ์ IT ต่างๆ นั่นก็คือ "การเข้าถึงได้สะดวก (Accessibility)" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีที่เอื้อต่อผู้ใช้ทุกคน ไม่จำกัดว่าจะเป็นผู้ที่มีความสามารถทางร่างกายหรือความสามารถพิเศษอย่างไรก็ตาม
Accessibility มีความหมายที่ครอบคลุม ในทางเขียนโปรแกรม มันหมายถึงการออกแบบและสร้างสรรค์โปรแกรมที่มีคุณสมบัติหลักๆ ดังนี้:
1. Perceivable (สามารถรับรู้ได้): ผู้ใช้ต้องสามารถรับรู้ข้อมูลที่นำเสนอผ่านหลายช่องทาง เช่น มองเห็น, ฟังได้, หรือการรับรู้ผ่านการสัมผัสได้ในกรณีของผู้ที่มีปัญหาทางสายตา 2. Operable (สามารถทำงานได้): ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ (User Interface) ต้องสามารถทำงานได้โดยไม่ทำให้ผู้ใช้ประสบปัญหา โดยสามารถนำมาใช้กับอุปกรณ์หลากหลาย เช่น เมาส์, แป้นพิมพ์, หรืออุปกรณ์การช่วยเหลือสำหรับคนพิการ 3. Understandable (สามารถเข้าใจได้): ข้อมูลและการทำงานของโปรแกรมควรจะมีความชัดเจน สามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดาย 4. Robust (คงทน): โปรแกรมควรทำงานได้คงที่และเชื่อถือได้ผ่านเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่หลากหลาย
Accessibility ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ที่มีความพิการสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้เท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกหลายด้าน เช่น:
1. กว้างขวางในการใช้งาน: เมื่อโปรแกรมสามารถเข้าถึงได้กับทุกคน จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีผู้ใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น 2. การเป็นมิตรกับ Search Engine: เว็บไซต์ที่มี Accessibility สูงมักได้รับการจัดอันดับที่ดีจาก Search Engine เพราะสามารถนำเสนอข้อมูลได้ครอบคลุมแก่ผู้ใช้ทุกประเภท 3. ความต้องการของกฎหมายและมาตรฐาน: บางประเทศกำหนดให้ผลิตภัณฑ์ IT ต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน Accessibility เพื่อไม่ให้เลือกปฏิบัติต่อผู้ใช้ที่มีความพิการ
ประกอบด้วยการใช้งานตามมาตรฐานที่เรียกว่า Web Content Accessibility Guidelines (WCAG) ในการเขียนโค้ด HTML, CSS และ JavaScript อาทิเช่น:
- การเพิ่ม attribute `alt` ให้กับภาพที่มีในเว็บไซต์เพื่อให้ผู้ใช้ช่วยเหลือด้านการอ่านหน้าจอ (screen reader) สามารถอธิบายภาพนั้นได้
- การสร้างแบบฟอร์มที่มี `
- การใช้ ARIA (Accessible Rich Internet Applications) Landmarks ในการช่วยให้ user navigation ง่ายขึ้น
หมายถึงระดับการเข้าถึงสมาชิกของคลาส (เช่น ฟิลด์ หรือเมทอด) ซึ่งกำหนดว่าสมาชิกเหล่านั้นสามารถถูกเข้าถึงจากตำแหน่งใดในโค้ดได้บ้าง ในภาษา Java, มีระดับการเข้าถึงหลัก ๆ ดังนี้:
1. Public: สมาชิกที่ถูกประกาศด้วยระดับนี้สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ในโปรแกรม 2. Protected: สมาชิกสามารถเข้าถึงได้ภายในคลาสเดียวกัน คลาสที่สืบทอดมาจากคลาสนั้น (subclass) และคลาสในแพ็กเกจเดียวกัน 3. Default (หรือ Package-Private): สมาชิกสามารถเข้าถึงได้ภายในคลาสเดียวกันและคลาสอื่น ๆ ภายในแพ็กเกจเดียวกัน แต่ไม่ระบุเข้าถึงด้วยคีย์เวิร์ดใด ๆ 4. Private: สมาชิกสามารถเข้าถึงได้เฉพาะภายในคลาสที่ประกาศสมาชิกนั้น ๆ เท่านั้น
class MyClass {
public int publicVar; // สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่
protected int protectedVar; // เข้าถึงได้ภายในคลาสเดียวกัน, subclass และคลาสในแพ็กเกจเดียวกัน
int defaultVar; // เข้าถึงได้ภายในคลาสเดียวกันและคลาสในแพ็กเกจเดียวกัน
private int privateVar; // เข้าถึงได้เฉพาะภายในคลาสนี้เท่านั้น
public void show() {
System.out.println("Public: " + publicVar);
System.out.println("Protected: " + protectedVar);
System.out.println("Default: " + defaultVar);
System.out.println("Private: " + privateVar);
}
}
ลาสและ subclass
3. Private: ใช้ double underscore (`__`) ขึ้นต้นชื่อ เช่น `__privateVar` แต่ใน Python ยังสามารถเข้าถึงได้โดยไม่เป็นทางการผ่าน name mangling (เช่น `_MyClass__privateVar`)ตัวอย่างใน Python:
class MyClass:
publicVar = 1 # Public
_protectedVar = 2 # Protected convention
__privateVar = 3 # Private
def show(self):
print("Public:", self.publicVar)
print("Protected:", self._protectedVar)
print("Private:", self.__privateVar)
# ตัวอย่างการเข้าถึง
obj = MyClass()
print(obj.publicVar) # สามารถเข้าถึงได้
print(obj._protectedVar) # สามารถเข้าถึงได้ แต่ไม่ควร
# print(obj.__privateVar) # จะเกิด error เพราะ Python ใช้ name mangling กับ private variables
ความแตกต่างหลักระหว่าง Java และ Python ในเรื่องนี้คือ Java มีระบบการควบคุมการเข้าถึงที่เข้มงวดและชัดเจนมากกว่า ผ่านการใช้คีย์เวิร์ดสำหรับแต่ละระดับการเข้าถึง ในขณะที่ Python ใช้ convention และเทคนิคการเขียนโปรแกรมเพื่อบ่งบอกระดับการเข้าถึง มากกว่าที่จะมีกฎเข้มงวดจากภาษาเอง
ที่ Expert-Programming-Tutor (EPT), คุณไม่เพียงแค่เรียนรู้พื้นฐานและเทคนิคขั้นสูงของการเขียนโปรแกรมเท่านั้น แต่ยังจะได้เรียนการสร้างโปรแกรมที่ให้ความสำคัญกับ Accessibility เพื่อให้คุณสามารถออกแบบและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงได้ทุกคนในสังคม ทั้งนี้ เรามุ่งมั่นที่จะผลิตนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีจิตสำนึกในความหลากหลายและการเข้าถึงในทุกรูปแบบ
การเข้าถึงสะดวกเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ในการเขียนโปรแกรมยุคปัจจุบัน ที่ EPT เราพร้อมที่จะช่วยให้คุณก้าวข้ามขีดจำกัดและเนรมิตผลงานที่สมบูรณ์แบบทั้งในแง่ของการใช้งานและความเป็นมิตรกับผู้ใช้ทุกคน สมัครเรียนกับเราเพื่อเปิดโลกทัศน์ใหม่ในการเขียนโปรแกรมที่มากกว่าการคิดเพียงแค่โค้ด แต่คิดถึงหัวใจของผู้ใช้ทุกคนในสังคม.
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM