สมัครเรียนโทร. 085-350-7540 , 084-88-00-255 , ntprintf@gmail.com

Tutorial AI

AI001 The brief history of AI AI101 Jupyter Notebook on AWS AI102 Pandas Tutorials AI103 Animated Drawings AI104 Video to BVH AI105 Hand Landmarks Detection Using MediaPipe AI106 Object Detection Using MediaPipe AI107 Image Segmentation Using MediaPipe AI108 Pose Landmarks Detection Using MediaPipe

The brief history of artificial intelligence - ประวัติศาสตร์ของ AI ฉบับย่อ

 

โลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้? 

ตั้งแต่ Midjourney ซึ่งเป็น AI สำหรับสร้างรูปได้เปิดให้คนทั่วไปได้เข้าไปใช้งานกันได้ฟรี ทำให้เกิดกระแสมากมายในชุมชนต่าง ๆ กลุ่มคนที่มองในแง่บวกต่างทึ่งในความสามารถของ AI ส่วนในฝั่งแง่ลบกลับมองอย่างหวาดกลัวว่า AI จะเข้ามาแย่งงานมนุษย์ หลังจากนั้นอีกไม่นาน ChatGPT ซึ่งเป็น AI ที่โต้ตอบกับมนุษย์ได้ก็เปิดตัวมาตอกย้ำความทึ่งและความหวาดกลัวเหล่านั้นให้ทวีคูณขึ้นไปอีก เพราะหลายคนได้สัมผัสแล้วว่า AI ได้ลุกคืบเข้ามาอยู่ใกล้ตัวของเราและพัฒนาความสามารถของมันด้วยความเร็วที่เร็วกว่าที่หลายคนคาดเอาไว้

บางคนมองเห็นช่องทางทำธุรกิจจากเทคโนโลยีนี้ ในขณะที่บางคนยังไม่เข้าใจว่ามันดีอย่างไรและเก่งขนาดไหนแล้ว บางคนหวาดกลัวว่ามันจะมาแย่งงาน ในขณะที่บางคนก็เห็นว่าเรื่องนี้ช่างไกลตัวนักเอาเวลาไปนั่งกินหมูกระทะดีกว่าจะตระหนักหรือรับรู้

 

แล้วความจริงเรื่องปัญญาประดิษฐ์มันเป็นอย่างไรล่ะ?
AI จะเป็นยังไงต่อจากนี้นะ? 
เราควรจะให้ความสำคัญกับ AI ไหม?
เราควรจะกลัว AI ไหม?
เราจะเรียนเขียนโปรแกรมไปเพื่ออะไร?
หรือเราจะใช้ AI ทำเงินได้อย่างไร? 

 

แม้จะมีคำพูดที่ว่าอนาคตเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจอย่างค่า GDP ปัญหาสังคมอย่างจำนวนประชากร ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างภาวะโลกร้อน ไปจนถึงระดับจักรวาลอย่างเส้นทางโคจรของดวงดาวต่าง ๆ การจะคาดเดาอนาคตของสิ่งใดนั้น หากเรารู้แนวโน้มในอดีตของสิ่งนั้นก่อนก็จะทำให้คาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตได้แม่นยำขึ้น ดังนั้นแทนที่จะตอบคำถามเหล่านั้น ในบทความแรกของชุดบทความ AI นี้ ผมจะขอพาท่านผู้อ่านดำดิ่งสู่ประวัติศาสตร์ตั้งแต่แรกเริ่มของคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ เราจะมาดูกันว่าประวัติศาสตร์ของปัญญาประดิษฐ์เป็นอย่างไร ในปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์ทำอะไรได้แล้วบ้าง บทความนี้เป็นการรวบรวมประวัติศาสตร์แบบย่อ ๆ ของปัญญาประดิษฐ์ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นจนถึงปัจจุบันที่กำลังเป็นยุคเริ่มต้นของปัญญาประดิษฐ์แบบ Generative หรือ Generative AI เพื่อให้ท่านได้เข้าใจความเป็นมา พัฒนาการของปัญญาประดิษฐ์ และมองเห็นถึงแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อถึงบทสรุปของบทความนี้แล้วจะมีคำตอบสำหรับคำถามที่ท่านกำลังสงสัยอยู่ไม่มากก็น้อย

รูปภาพและข้อมูลส่วนหนึ่งในนี้มาจากเว็บ https://ourworldindata.org/brief-history-of-ai [1] ซึ่งเป็นเว็บที่มีข้อมูลเกี่ยวกับ AI ที่น่าสนใจมากมาย หากใครสนใจก็ลองไปอ่านกันดูนะครับ

 

เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?

ในช่วงระยะเวลาไม่กี่สิบปีมานี้ คอมพิวเตอร์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและได้กลายมาเป็นส่วนประกอบหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ที่ใกล้ตัวที่สุดคงไม่พ้นสมาร์ตโฟนซึ่งทุกวันนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ไปเสียแล้ว การที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนี้ทำให้หลายคนอาจหลงลืมไปแล้วหรือเด็กรุ่นใหม่ก็อาจไม่รู้ว่าเทคโนโลยีก่อนหน้านี้เคยเป็นอย่างไร ดังนั้นเราจะมาเริ่มกันจากจุดกำเนิดของคอมพิวเตอร์ดิจิทัลเครื่องแรกกัน

คอมพิวเตอร์ดิจิทัลเครื่องแรกถูกประดิษฐ์ขึ้นในช่วงทศวรรษ 1940 หรือประมาณ 8 ทศวรรษก่อนดังที่แสดงในภาพไทม์ไลน์ด้านล่าง ซึ่งนับตั้งแต่ตอนนั้น นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์บางคนก็พยายามสร้างเครื่องจักรให้มีความฉลาดเทียบเท่ากับมนุษย์แล้ว

ไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์และ AI

 

ก่อนวันแรกของประวัติศาสตร์ [2]

ผู้ที่เป็นคนแรกที่เกิดความคิดและคำถามถึงความเป็นไปได้เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ตามที่มีการบันทึกไว้คือ ชาลส์ แบบเบจ (Charles Babbage) ผู้เป็นนักคณิตศาสตร์ นักปรัชญา นักประดิษฐ์ และวิศวกรเครื่องกล ช่างน่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตในปีค.ศ. 1871 ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลงานหลาย ๆ ชิ้น

 

AI ระบบแรก [3] 

ระบบแรกของ AI ที่มีการบันทึกไว้นี้มีชื่อว่าธีซีอุส (Theseus) สร้างขึ้นโดยคลอดด์ แชนนอน (Claude Shannon) ในปีค.ศ. 1950 ธีซีอุสเป็นหนูหุ่นยนต์ที่ควบคุมด้วยรีโมตคอนโทรลและทำงานร่วมกับสวิตช์รีเลย์โทรศัพท์ ความสามารถของหนูหุ่นยนต์ตัวนี้คือหาทางออกจากเขาวงกตได้ และความน่าทึ่งคือมันจำเส้นทางเดินเองได้ด้วย

AI ระบบแรกของโลก Theseus    

ภาพด้านบนนี้ถูกเผยแพร่บนนิตยสาร Life ในปีค.ศ. 1952
ภาพล่างซ้ายแสดงเส้นทางที่หนูธีซีอุสใช้เรียนรู้รูปแบบเขาวงกต ส่วนภาพล่างขวาแสดงเส้นทางตรงไปยังทางออกที่มันเลือกใช้ในการเดินครั้งที่สอง


นับตั้งแต่หนูธีซีอุสถือกำเนิดขึ้นมาจนถึงตอนที่โพสต์บทความนี้ก็ผ่านมาได้เจ็ดทศวรรษแล้ว จะเห็นได้ว่าความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ก้าวหน้ามาไกลจากเดิมมากดังไทม์ไลน์ในภาพด้านล่าง 

ไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์ AI

อธิบายไทม์ไลน์

  • ก่อนปีค.ศ. 1950 - First digital computers: เป็นช่วงเวลาที่คอมพิวเตอร์ดิจิทัลเครื่องแรกกำเนิดขึ้นมา
  • ปีค.ศ. 1950 - Theseus: หนูหุ่นยนต์ AI ชื่อธีซีอุสของคลอดด์ แชนนอน
  • ปีค.ศ. 1958 - Perceptron Mark I: โครงข่ายประสาทประดิษฐ์ของแฟรงก์ โรเซนแบลตต์ (Frank Rosenblatt)
  • ปีค.ศ. 1990 - TD-Gammon: ซอฟต์แวร์ที่เรียนรู้การเล่นแบ็กแกมมอนในระดับสูง TD-Gammon เป็นรองแค่ผู้เล่นจริงที่อยู่ในอันดับสูงสุด
  • ปีค.ศ. 2010 - AlexNet: ระบบ Deep Learning ตัวสำคัญในยุคแรก ๆ ประกอบด้วยโครงข่ายประสาทเทียมหลายชั้น สามารถแยกแยะภาพของวัตถุต่าง ๆ เช่น สุนัขและแมวในระดับใกล้เคียงกับมนุษย์
  • ปีค.ศ. 2020 - AI กับการพัฒนาการในด้านการจดจำรูปภาพและภาษาที่มีความสามารถในการรับรู้เทียบเคียงได้กับมนุษย์

 

ความสามารถในการจดจำภาษาและภาพของระบบ AI ในเวลานี้เทียบเท่ากับมนุษย์แล้ว

ถึงแม้แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับ AI จะมีผู้คิดไว้หลายสิบปีแล้วแต่ยังมีอุปสรรคเรื่องฮาร์ดแวร์ที่ยังมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอที่จะประมวลผลตามทฤษฎีเหล่านั้น ทว่าตอนนี้เทคโนโลยีต่าง ๆ ได้พัฒนาขึ้นมาอย่างมากทำให้ข้อจำกัดทางด้านฮาร์ดแวร์นั้นเริ่มหมดไป (ขอเพียงมีเงิน) ดังนั้นช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมานี้ความสามารถในการจดจำภาษาและภาพของระบบ AI จึงมีการพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด กราฟด้านล่างนี้เป็นการเปรียบเทียบเมื่อให้มนุษย์และ AI ทำแบบทดสอบชุดเดียวกันในด้านความสามารถ 5 ด้านที่แตกต่างกัน ได้แก่ การจดจำลายมือ การจดจำคำพูด การจดจำภาพ ความเข้าใจในการอ่าน และความเข้าใจในภาษาของ AI ตามลำดับ

การทดสอบความสามารถ AI เทียบกับมนุษย์

 

ในการทดสอบจะกำหนดให้ค่าประสิทธิภาพเริ่มต้นของระบบ AI ไว้ที่ -100 และค่าประสิทธิภาพของมนุษย์เป็นค่าพื้นฐานอยู่ที่ 0 ดังนั้นเมื่อใดที่เส้นกราฟแสดงประสิทธิภาพของ AI สูงเหนือเส้นพื้นฐานไปก็หมายความว่า AI สามารถทำบททดสอบได้ดีกว่าที่มนุษย์ทำได้แล้วนั่นเอง

จะเห็นได้ว่าก่อนปีค.ศ. 2010 ยังไม่มีระบบใดที่จดจำรูปภาพหรือแสดงผลทางภาษาได้น่าเชื่อถือเทียบเท่ากับมนุษย์ ทว่าหลังจากนั้นเป็นต้นมา ความสามารถของ AI ได้พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว และเอาชนะมนุษย์ได้ภายในเวลาไม่กี่ปีเท่านั้น

 

การจดจำและการใช้ภาษาของ AI ในโลกจริง

นอกจากการทดลองในงานวิจัย แท้จริงแล้วตอนนี้ระบบ AI ที่เกี่ยวกับภาษาได้มาโลดแล่นอยู่รอบตัวเราในหลาย ๆ ทางทั้งที่เรารู้ตัวและไม่รู้ตัว หลาย ๆ คนที่ใช้อีเมลของค่าย Google น่าจะเคยเห็นว่าบางครั้ง Gmail ก็มีการเสนอตัวเลือกคำตอบกลับอีเมลที่ส่งมาให้เรา ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคำตอบกลับที่เข้าท่าเสียด้วย (อันนี้อ้างอิงจากประสบการณ์ของผู้เขียนที่รับส่งอีเมลเป็นภาษาอังกฤษกับภาษาญี่ปุ่นเป็นหลักนะครับ แต่คิดว่าภาษาไทยก็คงไม่ต่างกันมาก) การที่มันนำเสนอตัวเลือกคำตอบกลับที่ใช้งานได้จริงให้เราได้นั้นย่อมแสดงว่ามันเข้าใจความหมายของเนื้อหาในอีเมลของเราทั้งฉบับแล้วนั่นเอง   

นอกจากนี้ที่หลายคนน่าจะได้ใช้กันบ่อย ๆ ก็เช่น โปรแกรมช่วยแปลภาษา ซึ่งทุกวันนี้ก็ต้องถือว่าแปลได้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ๆ ๆ จนนักแปลหลายท่านเริ่มกังวลกันแล้วว่ามันจะมาแย่งงานเราหรือไม่ แต่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ ถ้าเราเก่งจริงเราจะมีที่ยืนเสมอ

อีกหนึ่ง AI ด้านภาษาที่กำลังมาแรง ณ ขณะที่เขียนบทความนี้คงไม่พ้น ChatGPT ระบบที่นักเรียนใช้ถามการบ้านมาตอบครู ไปจนถึงโปรแกรมเมอร์ใช้ถามให้มันแก้บักให้ คิดว่าหลาย ๆ คนที่ได้ลองเข้าไปใช้งานคงทึ่งกับความฉลาดและความเข้าใจในด้านภาษาของมันเช่นเดียวกับผมแน่นอน

ถึงแม้ตอนนี้ระบบ AI จะยังไม่สามารถสร้างชิ้นงานด้านภาษาที่ยาวและมีใจความต่อเนื่องได้ แต่ก็มีประโยชน์อย่างมากในการช่วยสร้างงานวิจัยหรืองานเขียนหากเราใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ส่วนในอนาคตก็ต้องรอกันดูว่า AI จะพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน สุดท้ายแล้วมันอาจสร้างงานวิจัยหรืองานเขียนขึ้นมาได้เองทั้งฉบับโดยไม่ต้องใช้มนุษย์ช่วยเลยก็ได้

 

พัฒนาจากการจดจำภาพสู่การสร้างสรรค์ภาพ

นอกจากความสามารถด้านการจดจำที่ก้าวกระโดดแล้ว ความสามารถในการสร้างรูปภาพของ AI ก็ยังพัฒนาอย่างก้าวกระโดดด้วยเช่นกัน ภาพทั้งเก้าภาพด้านล่างนี้แสดงให้เห็นพัฒนาการที่เปลี่ยนไปในระยะเวลา 9 ปี คนทั้งหมดที่อยู่ในภาพเหล่านี้ไม่ใช่คนจริง ๆ แต่เป็นภาพคนที่ใช้ AI สร้างขึ้นมา

ไทม์ไลน์ตัวอย่างการสร้างภาพด้วย AI ตั้งแต่ปี 2014-2022

 

ชุดรูปภาพนี้เริ่มจากภาพบนซ้ายที่สร้างเมื่อปีค.ศ. 2014 จะเห็นว่าเป็นภาพใบหน้าหญิงสาวแบบภาพขาวดำสมัยก่อน แต่หลังจากผ่านไปเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น ตั้งแต่ภาพในปีค.ศ. 2017 จะเห็นได้ว่าระบบ AI สามารถสร้างภาพที่ตาของเรายากจะแยกออกว่าแตกต่างจากภาพถ่ายจริงอย่างไร และยังสมจริงขึ้นเรื่อย ๆ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ AI เพิ่มความสามารถให้น่าทึ่งกว่าเดิมด้วยการสร้างภาพจากข้อความพร้อม (Prompt) ที่ใส่เข้าไป ตัวอย่างเช่นในภาพล่างขวาเป็นภาพที่ได้ออกมาหลังจากป้อนข้อความ “ปอมเมอเรเนียนสวมมงกุฎบนบัลลังก์ของกษัตริย์ ทหารเสือสองตัวยืนอยู่ข้างบัลลังก์” เข้าไปไม่กี่วินาทีเท่านั้น

AI มีความฉลาดมากขนาดที่สามารถแปลข้อความออกมาได้ตามที่เราต้องการ สงสัยกันไหมครับว่ามันเข้าใจความหมายของคำต่าง ๆ ในข้อความที่ใส่เข้าไปได้อย่างไร? ความสามารถนี้เกิดจากกระบวนการที่เรียกว่าการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ซึ่งทำให้ AI ได้เรียนรู้และพัฒนาความสามารถขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วไว้ผมจะมาเขียนเรื่อง Stable Diffusion ให้อ่านนะครับ ใครสนใจก็รอติดตามกันนะครับ

อ้อ! ตอนนี้ทาง EPT กำลังรวบรวม Prompt สำหรับสร้างรูปใน Midjourney และจัดหมวดหมู่ไว้ให้ท่านได้เลือกหยิบไปใช้ได้แบบฟรี ๆ หากใครสนใจก็คลิกเข้าไปดูที่ https://expert-programming-tutor.com/tutorial/midjourney.php ได้เลยครับ 

 

ตอนนี้เราอยู่จุดไหน? แต่ AI กำลังอยู่จุดนี้แล้ว

ขณะที่หลายคนอาจจะยังใช้ชีวิตในรูปแบบเดิม ๆ อยู่นี้ AI ก็กำลังเข้ามาเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตของพวกเราในด้านต่าง ๆ โดยค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาในทุกกิจกรรมของเราอย่างเช่น

ด้านการเดินทาง

หากใครเกิดทันยุคก่อนสมาร์ตโฟนน่าจะจำกันได้ว่า สมัยนั้นเวลาเราจะเดินทางไปต่างจังหวัดหรือที่ที่ไม่รู้จักเราจะต้องหยิบหนังสือแผนที่ออกมากางแล้วหาว่าจะขับรถไปด้วยเส้นทางไหนดี แต่สมัยนี้เพียงแค่หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาแล้วจิ้มสถานที่หรือพูดบอกเข้าไป โปรแกรมแผนที่ก็จะคำนวณแล้วเลือกเส้นทางให้เราโดยอัตโนมัติ แถมมันยังคำนวณไปถึงสภาพจราจรของแต่ละเส้นทางเพื่อหาเส้นทางที่ใช้เวลาน้อยที่สุดให้เราเสียด้วย 

ด้านการเงิน

ทุกวันนี้หลายธนาคารเริ่มเอาระบบ AI เข้ามาใช้ในการประเมินแล้วว่าจะอนุมัติเงินกู้ให้เราหรือไม่ โดยประเมินจากประวัติและลักษณะการใช้ชีวิตของเราว่ามีความเสี่ยงที่จะผิดชำระเงินกับทางสถาบันไหม อีกหน่อยข้อมูลส่วนตัวด้านลบของเราอาจทำให้เราเสียสิทธิ์หลาย ๆ อย่างก็เป็นได้

ด้านการตลาด

สินค้าและบริการต่าง ๆ ที่เราเห็นบนโลกโซเซียล ได้วางรูปแบบเอาไว้ให้เราเห็นและเข้าถึงง่าย แถมยังมีการนำเสนอของที่เราน่าจะอยากซื้อ เพื่อกระตุ้นให้เราตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

นี่เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีด้าน AI ที่ใกล้ตัวเรานั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในสองทศวรรษนี้ แล้วท่านผู้อ่านคิดว่าในอนาคตมันจะมีความสามารถไปถึงขั้นไหนแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันของเราอีกแค่ไหนกันครับ?

 

ศึกษาแนวโน้มจากอดีตเพื่อทำนายอนาคตของ AI

ระบบ AI ที่ได้กล่าวมาในบทความนี้เป็นผลมาจากความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยี AI ในหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่นอกจากที่ยกตัวอย่างไปแล้วก็ยังมีผู้พัฒนาระบบ AI ออกมาอีกมากมาย แผนภูมิด้านล่างนี้จะแสดงให้เห็นมุมมองของประวัติศาสตร์ในช่วงแปดทศวรรษที่ผ่านมา วงกลมเล็ก ๆ แต่ละวงในแผนภูมินี้แสดงถึงระบบ AI หนึ่งระบบ แกนนอนจะบอกว่าระบบ AI นี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.ใด และแกนตั้งจะแสดงจำนวนการคำนวณที่ใช้ในการฝึกระบบ AI 

แผนภูมิแสดงประวัติศาสต์ของ AI

 

ยิ่งระบบ AI ได้รับการฝึกมากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น และพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าแกนแนวตั้งของแผนภาพนี้เป็นสเกลลอการิทึม หมายความว่าค่าของแต่ละเส้นสเกลจะห่างกันถึง 100 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นอัตราการเติบโตที่รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ของเทคโนโลยีทั้งฝั่งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

 

จะเป็นอย่างไรต่อไป?

การศึกษาแนวโน้มระยะยาวเพื่อดูว่าเป็นไปได้ในอนาคตที่ได้รับการกล่าวถึงที่สุดน่าจะเป็นของอาเจยา คอตร้า (Ajeya Cotra) ที่ศึกษาจำนวนการคำนวณที่ใช้ในการฝึกระบบ AI เพื่อหาว่า AI จะมีความสามารถเทียบเท่าสมองของมนุษย์ในช่วงเวลาใด และล่าสุดเธอได้ประเมินความน่าจะเป็นที่ AI ดังกล่าวจะพัฒนาสำเร็จภายในปี 2040 ไว้ที่ 50% ซึ่งหากนับจากตอนนี้ก็เหลืออีกไม่ถึงสองทศวรรษแล้ว [4]

ปัญญาประดิษฐ์ได้เปลี่ยนสิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เรารู้ และสิ่งที่เราทำไปจากเดิมมากมาย ณ จุดนี้ เทคโนโลยีเหล่านี้ยังมีช่วงเวลาในประวัติศาสตร์เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้นเมื่อเทียบกับประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ทว่ามันจะไม่หยุดอยู่ที่จุดนี้และจะกลายเป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่กินช่วงเวลายาวนานอย่างแน่นอน เพราะแม้แต่ ณ วินาทีนี้ AI ก็ยังเรียนรู้อยู่อย่างไม่หยุดยั้ง

เมื่อ AI พยายามไล่กวดขึ้นมาเพื่อยืนเทียบเคียงมนุษย์ บางทีอีกไม่นานเราอาจได้เห็นหุ่นยนต์เดินไปมาตามท้องถนนเหมือนอย่างในภาพยนตร์แนวไซไฟก็ได้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะพิจารณาว่าเราควรเลือกหรือเปลี่ยนเส้นทางเดินไปยังเส้นทางไหน  
 

ขอให้ทุกท่านตื่นตัวแต่อย่าได้หวาดกลัว 


ยังมีโอกาสและเส้นทางอีกมากมายให้เราเลือกเดิน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่สนใจอยากเริ่มเรียนเขียนโปรแกรมแล้วถอดใจไปตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่ม ขอให้ท่านมั่นใจได้เลยว่าถ้าเราเก่งจริง โปรแกรมเมอร์จะเป็นอาชีพสุดท้ายที่ AI จะแทนที่ได้  

 

สุดท้ายนี้

อยากลงลึกถึงประวัติศาสตร์ AI ให้อ่านบทความนี้ ถ้าอยากลงลึกถึงทฤษฎี (พร้อมปฏิบัติ) ให้ลงคอร์ส Machine Learning (AI701) 


แต่ถ้ายังไม่มีพื้นฐานแล้วอยากเรียนเพื่อจะไปใช้งาน AI อีกทีก็ขอแนะนำคอร์ส Python + Web Programming + Machine Learning (PY203) ที่จะปูตั้งแต่พื้นฐานการเขียนโปรแกรมให้ท่านได้ฝึกคิด ฝึกทำ และสุดท้ายจะสร้างสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเองครับ

 

 

ที่มาและเว็บไซต์อ้างอิง

[1] https://ourworldindata.org/brief-history-of-ai
[2] https://en.wikipedia.org/wiki/Charles_Babbage
[3] https://web.archive.org/web/20220125004420/https://www.technologyreview.com/2018/12/19/138508/mighty-mouse/ 
[4] https://www.alignmentforum.org/posts/KrJfoZzpSDpnrv9va/draft-report-on-ai-timelines



บทความนี้อาจจะมีที่ผิด กรุณาตรวจสอบก่อนใช้

หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor

ไม่อยากอ่าน Tutorial อยากมาเรียนเลยทำอย่างไร?

สมัครเรียน ONLINE ได้ทันทีที่ https://elearn.expert-programming-tutor.com

หรือติดต่อ

085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM

แผนที่ ที่ตั้งของอาคารของเรา

C Article


C++ Article


Java Article


C#.NET Article


VB.NET Article


Python Article


Golang Article


JavaScript Article


Perl Article


Lua Article


Rust Article


Article


Python


Python Numpy


Python Machine Learning



แผนผังการเรียนเขียนโปรแกรม

Link อื่นๆ

Allow sites to save and read cookie data.
Cookies are small pieces of data created by sites you visit. They make your online experience easier by saving browsing information. We use cookies to improve your experience on our website. By browsing this website, you agree to our use of cookies.

Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com

ติดต่อเราได้ที่

085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
แผนที่ ที่ตั้งของอาคารของเรา