# ORM (Object-Relational Mapping) คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร ใช้งานตอนไหน อธิบายแบบง่ายที่สุด แบบเด็ก 8 ปีก็เข้าใจ
เพื่อนๆ เคยคิดบ้างไหมคะว่า เวลาเราใช้โทรศัพท์มือถือแอพพลิเคชั่นต่างๆ หรือเล่นเกมส์บนคอมพิวเตอร์ เราทำอย่างไรถึงเห็นตัวละครที่เราชอบ, คะแนนที่เราได้, หรือรายการที่เราชอบที่ถูกเก็บไว้? ข้อมูลเหล่านี้ต้องถูกเก็บรักษาไว้ที่ไหนสักแห่งใช่ไหมคะ? นี่ล่ะค่ะ จุดเริ่มต้นของสิ่งที่เรียกว่า "ฐานข้อมูล".
แต่ฐานข้อมูลนั้น "พูด" ภาษาที่ต่างจากที่โปรแกรมหรือแอพพลิเคชันของเราใช้ในการ "พูด". เด็กๆ อาจเข้าใจง่ายๆ ว่าแต่ละคนมีภาษาเป็นของตัวเอง, ซึ่งกันและกันไม่เข้าใจถ้าพูดภาษาที่ต่างกันไป, ถูกไหมคะ?
ORM หรือ Object-Relational Mapping นี้ก็เหมือนเป็นนักแปลที่ช่วยให้ภาษาของโปรแกรมกับฐานข้อมูลเข้าใจกันได้ค่ะ. เดี๋ยวเราจะอธิบายให้เห็นภาพกันง่ายๆ ค่ะ!
ORM คือเครื่องมือที่ใช้ในการแปลงหรือ "แมป" ข้อมูลระหว่างฐานข้อมูล (ซึ่งเป็นตารางๆ แบบใน Excel ที่มีแถวและคอลัมน์) ไปเป็น "วัตถุ" ในโปรแกรมของเรา. วัตถุนี่ก็เหมือนตุ๊กตาหรือยานพาหนะในเกมที่เด็กๆ เล่นนั่นเองค่ะ. ข้อมูลในฐานข้อมูลปกติจะเป็นข้อความ, ตัวเลข, วันที่ เป็นต้น แต่เวลาเราจะใช้ในโปรแกรม เราต้องเปลี่ยนให้เป็นรูปแบบของวัตถุที่สามารถจัดการได้ง่ายขึ้นค่ะ.
ประโยชน์ของ ORM นั้นมากมายค่ะ ได้แก่:
- ง่ายต่อการเขียนโค้ด: เราสามารถจัดการกับฐานข้อมูลด้วยภาษาโปรแกรมมิ่งที่เราคุ้นเคย ไม่ต้องใช้คำสั่ง SQL ซับซ้อน - ปรับปรุงความปลอดภัย: ช่วยลดความเสี่ยงในการอ่อนแอต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์ เช่น SQL Injection - การใช้งานที่ยืดหยุ่น: ทำให้เราสามารถเปลี่ยนไปใช้ฐานข้อมูลชนิดอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องเขียนโค้ดใหม่อย่างมากมาย
คุณอาจต้องใช้ ORM เมื่อคุณทำงานกับโปรแกรมที่มีการจัดการข้อมูลจำนวนมาก, ต้องการเขียนโค้ดที่อ่านง่ายและปลอดภัย, หรือต้องการที่จะปรับเปลี่ยนฐานข้อมูลได้ง่ายในอนาคตค่ะ.
ซึ่งผู้เรียนที่ EPT หลายคนก็พบว่า ORM ช่วยให้พวกเขาเขียนโปรแกรมได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นค่ะ. เริ่มต้นด้วยการเรียนรู้พื้นฐานของภาษาโปรแกรมมิ่ง และค่อยๆ ไปถึงการใช้ ORM เพื่อให้งานดูเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น.
ตัวอย่างโค้ดง่ายๆ ในการใช้ ORM สมมติว่าเราเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Python และใช้ ORM ชื่อว่า SQLAlchemy:
from sqlalchemy import create_engine, Column, Integer, String
from sqlalchemy.ext.declarative import declarative_base
from sqlalchemy.orm import sessionmaker
engine = create_engine('sqlite:///example.db')
Session = sessionmaker(bind=engine)
session = Session()
Base = declarative_base()
class User(Base):
__tablename__ = 'users'
id = Column(Integer, primary_key=True)
name = Column(String)
Base.metadata.create_all(engine)
# เพิ่มข้อมูลผู้ใช้ใหม่
new_user = User(name='Nong May')
session.add(new_user)
session.commit()
# ค้นหาข้อมูลผู้ใช้
user = session.query(User).filter_by(name='Nong May').first()
print(user.name)
ในตัวอย่างนี้ ORM ช่วยให้เราสามารถสร้างตารางสำหรับผู้ใช้ (User) ซึ่งดูและใช้งานเหมือนกับวัตถุในภาษา Python และเราไม่ต้องเขียนคำสั่ง SQL ซับซ้อนเลยค่ะ.
ORM จึงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในโลกของการพัฒนาซอฟต์แวร์และการเขียนโปรแกรม โดยเฉพาะเมื่อต้องจัดการกับฐานข้อมูลที่มีขนาดใหญ่หรือซับซ้อน. การเข้าใจและใช้งาน ORM อย่างเหมาะสมจะช่วยให้การพัฒนาโปรแกรมเป็นไปได้ด้วยความสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นค่ะ.
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM