# Data Structure คืออะไร? และการใช้งานในด้านการเขียนโปรแกรม
ในโลกของการเขียนโปรแกรม การเก็บข้อมูลเป็นส่วนสำคัญที่ข้องแวะกับประสิทธิภาพและความสามารถของโปรแกรมอย่างใกล้ชิด ที่นี่ Data Structure หรือ "โครงสร้างข้อมูล" จะเข้ามามีบทบาท แต่แท้จริง Data Structure คืออะไร? และเราสามารถนำมันไปใช้งานด้านเขียนโปรแกรมอย่างไรบ้าง?
Data Structure หรือโครงสร้างข้อมูลคือรูปแบบการจัดการเก็บรวบรวม และการจัดการข้อมูลในคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ข้อมูลนั้นสามารถใช้งานได้ง่ายและเป็นระเบียบ มีประสิทธิภาพสูงในการดึงข้อมูลและการปรับเปลี่ยนข้อมูล โครงสร้างข้อมูลมีหลายรูปแบบ เช่น Array, Stack, Queue, Linked List, Tree, Graph ฯลฯ
ในการพัฒนาโปรแกรม ต้องมีการจัดการข้อมูลในรูปแบบต่างๆ โครงสร้างข้อมูลย่อมมีผลต่อความเร็วและประสิทธิภาพของโปรแกรมที่ได้ ยกตัวอย่างเช่น
Array (อะเรย์)
เป็นโครงสร้างข้อมูลพื้นฐานที่สุด คือการเก็บข้อมูลไว้ในลำดับที่มีการกำหนดตำแหน่งหรือดัชนีอย่างชัดเจน เหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลที่รู้จำนวนข้อมูลล่วงหน้าและไม่จำเป็นต้องแก้ไขบ่อยครั้ง
# ตัวอย่างการสร้างอะเรย์ในภาษา Python
numbers = [1, 2, 3, 4, 5]
print(numbers[2]) # ผลลัพธ์: 3
Linked List (ลิงค์ด์ลิสต์)
การเก็บข้อมูลแบบที่แต่ละโหนดจะเชื่อมต่อกัน มีความยืดหยุ่นสูงในการเพิ่มหรือลบข้อมูล ไม่จัดเก็บข้อมูลต่อเนื่องกันเหมือนอะเรย์
class Node:
def __init__(self, data):
self.data = data
self.next = None
# ตัวอย่างการสร้าง Linked List ง่ายๆ
head = Node(1)
head.next = Node(2)
head.next.next = Node(3)
# การเข้าถึงโหนดใน Linked List
current = head
while current is not None:
print(current.data)
current = current.next
Stack (สแต็ค) และ Queue (คิว)
Stack คือการเก็บข้อมูลแบบ LIFO (Last In, First Out) คือข้อมูลที่เพิ่มเข้ามาหลังสุดจะถูกดึงออกก่อน ส่วน Queue คือการเก็บข้อมูลแบบ FIFO (First In, First Out) คือข้อมูลที่เพิ่มเข้ามาก่อนจะถูกดึงออกก่อน ทั้งสองโครงสร้างข้อมูลมีบทบาทสำคัญในการจัดการประมวลผลแบบต่อคิว หรือการจัดการข้อมูลสำหรับการทำ Undo/Redo ในโปรแกรมการแก้ไขข้อความ
Tree (ต้นไม้) และ Graph (กราฟ)
โครงสร้างข้อมูลเหล่านี้เหมาะสำหรับจัดการข้อมูลที่มีความซับซ้อนและมีความสัมพันธ์หลายชั้น เช่น ต้นไม้เป็นโครงสร้างข้อมูลที่ใช้งานในการจัดการข้อมูลเช่นการค้นหา, การเรียงลำดับ, การจัดการฐานข้อมูล เป็นต้น ขณะที่กราฟถูกใช้ในการจำลองความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุต่างๆ เช่น โครงข่ายสังคมออนไลน์, ระบบ GPS ฯลฯ
โครงสร้างข้อมูลมีผลต่อแนวทางในการเขียนโปรแกรมและการแก้ปัญหาในด้านต่างๆ เช่น การจัดการหน่วยความจำ, การค้นหาข้อมูล, การเพิ่มประสิทธิภาพของโค้ด และการทำให้โค้ดถูกโครงสร้างและเข้าใจง่ายขึ้น
ในการพัฒนาความเข้าใจและฝึกฝนการใช้โครงสร้างข้อมูล การเรียนรู้ที่จะคิดถึงโปรแกรมของคุณในมุมโครงสร้างข้อมูลคือก้าวแรกที่สำคัญ และเมื่อคุณต้องการศึกษาและพัฒนาทักษะในการเขียนโปรแกรมอย่างลึกซึ้ง สถาบันการเรียนรู้ที่มีครูผู้ชำนาญเช่น Expert-Programming-Tutor สามารถกลายเป็นสะพานที่นำพาคุณไปสู่ความสำเร็จในวงการไอทีได้ไม่ยาก เพราะความเข้าใจอย่างถ่องแท้ใน Data Structure จะเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการเข้าสู่โลกของโค้ดที่ไม่มีข้อจำกัด
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM