# Event-Driven Architecture คืออะไร อธิบายแบบง่ายที่สุด
การเขียนโปรแกรมเป็นอะไรที่ซับซ้อนมากทีเดียว แต่ถ้าเราลองกลับมามองที่หลักการง่ายๆ เหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจมันได้ดีขึ้น หนึ่งในหลักการที่สำคัญก็คือ Event-Driven Architecture หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า EDA ซึ่งเป็นตัวช่วยให้โปรแกรมของเราตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้อย่างเฉลียวฉลาด
คิดภาพว่าคุณเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่ต้องจัดงานวันเกิดให้เด็กๆ เมื่อเด็กๆ เริ่มเป่าเค้กวันเกิดและเป่าเทียนดับ คุณก็จะรู้ว่าถึงเวลาต้องเปิดเพลง "Happy Birthday" หรือเมื่อเด็กคนหนึ่งเริ่มร้องไห้คุณก็จะเข้าไปปลอบ ในทางเดียวกัน Event-Driven Architecture คือระบบที่คอยตอบสนองต่อ 'event' (หรือ 'เหตุการณ์') ที่เกิดขึ้นในระบบ
หากจะอธิบายให้เด็ก 8 ขวบเข้าใจ เรามาคิดว่า "โปรแกรมคอมพิวเตอร์ของเราเป็นห้องนั่งเล่นที่มีของเล่นมากมาย" ขณะที่เด็กๆ กำลังเล่นอยู่นั้น เมื่อมีของเล่นตกลงมาก็เหมือนส่งสัญญาณหรือ 'event' แล้วมีกลไก "จับสิ่งที่ตกลงมา" ในห้องนั่งเล่น ทันทีที่ได้ยินเสียงของเล่นตกจังหวะนั้น กลไกดังกล่าวก็จะเคลื่อนไหวเพื่อจับของเล่นนั้นไว้ ดังนั้น Event-Driven Architecture ในที่นี้ เรากำลังผูก 'เหตุการณ์' กับ 'ตอบสนอง' ได้อย่างแนบเนียน
การมี EDA ในการเขียนโปรแกรมช่วยให้โค้ดของเรา:
1. ยืดหยุ่น: ระบบสามารถเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลง 'เหตุการณ์' ได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องเปลี่ยนโค้ดหลัก 2. ปรับขนาดได้: เมื่อมีผู้ใช้งานมากขึ้น ระบบสามารถรับมือได้โดยการเพิ่มทรัพยากรให้กับ 'เหตุการณ์' ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ 3. ไม่พลาด: ถ้ามี 'เหตุการณ์' ที่สำคัญ ระบบจะไม่พลาดที่จะตอบสนอง
ลองจินตนาการเราพัฒนาเกมที่สัตว์ต่างๆ ในระบบตอบสนองเมื่อมีอาหารปรากฏตรงหน้า ในโค้ดของเราอาจมีบางส่วนเขียนเช่นนี้:
# Define events and actions in our game
class Animal:
def __init__(self, name):
self.name = name
def react_to_food(self, food):
print(f"{self.name} notices {food} and eats it!")
# Setup the event-driven system
def on_food_appearance(food, animal):
animal.react_to_food(food)
# Let's test with an example
my_pet = Animal("Buddy")
on_food_appearance("apple", my_pet)
ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นหลักการ EDA อย่างง่าย โดยการกำหนดว่าเมื่อมี 'อาหารปรากฏ' (อาหารปรากฏคือ event) สัตว์ (ในตัวอย่างนี้คือ 'Buddy') จะทำอะไร (ทำการ 'ตอบสนอง' โดยการกินอาหาร) ผ่านฟังก์ชัน `on_food_appearance`.
Event-Driven Architecture โดยพื้นฐานแล้วเป็นเพียงการจัดการกับสิ่งที่ "เกิดขึ้น" และเรา "ทำอย่างไรต่อ" มันง่ายต่อการขยายและปรับปรุง เพราะเหตุการณ์แต่ละอย่างถูกจัดการอย่างเป็นอิสระ และสามารถคาดเดาผลลัพธ์ได้ชัดเจน เป็นหลักการที่นำไปใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อย่างหลากหลาย เช่นการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน, ระบบสั่งงานอัตโนมัติ หรือแม้แต่ในระบบ Internet of Things (IoT).
Event-Driven Architecture เป็นรูปแบบการเขียนโปรแกรมที่ช่วยให้โปรแกรมเราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ดี และช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันเป็นหลักการที่คุณอาจจะเรียนรู้ได้ในโรงเรียนสอนเขียนโค้ดอย่าง EPT ที่ผสมผสานทฤษฎีและการปฏิบัติจริงให้คุณได้เข้าใจและนำไปใช้งานได้อย่างลงตัว.
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM