การใช้งาน Class and object ในภาษา C++ แบบง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง

การใช้งาน Class และ Object ในภาษา C++ เป็นหัวใจหลักของการเขียนโปรแกรมแบบวัตถุพิศัย (Object-oriented Programming - OOP) ที่ช่วยให้เราสามารถจัดการกับโค้ดและออกแบบโปรแกรมได้ง่ายขึ้นด้วยการแบ่งแยกส่วนของโค้ดเป็นส่วนๆ ตามลักษณะของข้อมูล (data) และพฤติกรรม (behavior) ที่เกี่ยวข้องกัน นอกจากนี้ การใช้งาน Class และ Object ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้งานโค้ดซ้ำได้ (reusability) และการซ่อนรายละเอียดภายใน (encapsulation) ได้เป็นอย่างดี

เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ลองมาดูตัวอย่างการใช้ Class และ Object ในภาษา C++ พร้อมทั้งอธิบายการทำงาน และตัวอย่าง use case ในโลกจริงกัน:

ตัวอย่างที่ 1: คลาสรถยนต์

ในข้อนี้เราจะสร้างคลาสของรถยนต์ ซึ่งรวมถึงคุณสมบัติเช่น ยี่ห้อ (brand), รุ่น (model), สี (color) และความสามารถในการขับ (drive) และหยุดรถ (stop).

 #include<iostream>
using namespace std;

class Car {
    public:
    string brand;
    string model;
    string color;

    void drive() {
        cout << "The " << color << " " << brand << " " << model << " is driving." << endl;
    }

    void stop() {
        cout << "The " << brand << " " << model << " has stopped." << endl;
    }
};

int main() {
    Car myCar;
    myCar.brand = "Toyota";
    myCar.model = "Corolla";
    myCar.color = "Red";

    myCar.drive();
    myCar.stop();

    return 0;
}

การทำงาน:

ในตัวอย่างข้างต้นเราได้สร้างคลาสคือ `Car` ที่มีสมาชิกระดับ `public` ได้แก่ `brand`, `model`, และ `color` รวมถึงเมธอด `drive()` และ `stop()` จากนั้นเราจะสร้าง object `myCar` และกำหนดค่าให้กับแต่ละคุณสมบัติ ในที่สุด เราก็เรียกใช้เมธอด `drive()` และ `stop()` เพื่อแสดงการทำงานของรถยนต์.

ตัวอย่างที่ 2: คลาสพนักงาน

คราวนี้เราจะออกแบบคลาสสำหรับพนักงานที่มีชื่อ (name), ตำแหน่ง (position) และฟังก์ชันการทำงานของพวกเขา เช่น ทำงาน (work).

 #include<iostream>
using namespace std;

class Employee {
public:
    string name;
    string position;

    void work() {
        cout << name << " is working as a " << position << "." << endl;
    }
};

int main() {
    Employee employee1;
    employee1.name = "Jack";
    employee1.position = "Developer";

    employee1.work();

    return 0;
}

การทำงาน:

โปรแกรมจะสร้าง object `employee1` จากคลาส `Employee` ที่มีคุณสมบัติ `name` และ `position` ทำตามการกำหนด แล้วเรียกใช้เมธอด `work()` ซึ่งจะแสดงข้อความบ่งบอกว่าพนักงานกำลังทำงาน.

ตัวอย่างที่ 3: คลาสแคลคูลเลเตอร์

ในตัวอย่างสุดท้าย เราจะสร้างคลาสเพื่อทำการคำนวณง่ายๆ เช่น การบวก (add) และการลบ (subtract).

 #include<iostream>
using namespace std;

class Calculator {
public:
    int add(int a, int b) {
        return a + b;
    }

    int subtract(int a, int b) {
        return a - b;
    }
};

int main() {
    Calculator calc;

    cout << "Addition of 5 and 3 is " << calc.add(5, 3) << endl;
    cout << "Subtraction of 5 from 10 is " << calc.subtract(10, 5) << endl;

    return 0;
}

การทำงาน:

คลาส `Calculator` มีเมธอดสองตัวคือ `add()` และ `subtract()` ที่ใช้สำหรับการคำนวณเลขบวกหรือลบ. เมื่อเรียกใช้เมธอดเหล่านี้จะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ.

Use Case ในโลกจริง:

การใช้ Class และ Object มีอยู่ในทุกที่ในการเขียนโปรแกรมสมัยใหม่ เช่น การสร้างระบบจัดการฐานข้อมูลของพนักงาน, ระบบควบคุมสต็อกสินค้าในคลัง, หรือแม้แต่การพัฒนาระบบ AI ที่มีความซับซ้อน. การใช้ Class และ Object ทำให้โค้ดของเราเรียบง่าย, มีการจัดการที่ดี, และง่ายต่อการขยายในอนาคต (scalability).

สำหรับใครที่สนใจเพิ่มความรู้ด้านการโปรแกรมแบบวัตถุพิศัย เข้าใจความสำคัญของ Class และ Object และต้องการพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมของตัวเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น EPT มีคอร์สการเรียนรู้ที่จะนำพาคุณไปสู่การเป็นโปรแกรมเมอร์ระดับมืออาชีพ พร้อมทั้งมีการเรียนการสอนที่ลงลึกไปถึงตัวอย่างโค้ดและโครงการจริงที่ช่วยให้คุณประยุกต์ใช้ความรู้ได้ทันทีในการทำงานหรือโปรเจกต์ส่วนตัวของคุณเอง เข้าร่วมกับเราที่ EPT แล้วคุณจะรู้ว่าการเขียนโปรแกรมนั้นเป็นเรื่องที่ไม่แสนยากเลย!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง