การใช้งาน find leap year ในภาษา C++ แบบง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง

# การใช้งาน find leap year ในภาษา C++ แบบง่ายๆ พร้อมอธิบายการทำงานและยกตัวอย่าง usecase ในโลกจริง

การหาปีอธิกสุรทินหรือ leap year เป็นหัวข้อพื้นฐานที่น่าสนใจในการเรียนรู้โปรแกรมมิ่ง ไม่เพียงเพราะมันเป็นโจทย์ที่สอนให้เราเข้าใจเกี่ยวกับเงื่อนไขและการคำนวณทางคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่มันยังประยุกต์ใช้ได้จริงในโปรแกรมหลายๆประเภท ซึ่งก่อนที่เราจะเริ่มเรียนรู้วิธีการค้นหาปีอธิกสุรทิน ควรทำความเข้าใจก่อนว่าปีอธิกสุรทินคืออะไร

ปีอธิกสุรทินเป็นปีที่มีวันมากกว่าปีปกติหนึ่งวัน คือมี 366 วัน ซึ่งวันเพิ่มเติมนี้เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ที่จะมีวันที่ 29 แทนที่จะจบที่วันที่ 28 เหมือนปีปกติ ข้อกำหนดในการตัดสินใจว่าปีใดปีหนึ่งเป็นปีอธิกสุรทินก็คือ:

- ปีนั้นๆ ต้องหารด้วย 4 ลงตัว

- ถ้าปีนั้นเป็นที่สิ้นสุดของศตวรรษ (หมายถึงปีที่หารด้วย 100 ลงตัว เช่น 1900, 2000), มันจะเป็นปีอธิกสุรทินก็ต่อเมื่อหารด้วย 400 ลงตัวเท่านั้น

เราจะมาดูวิธีการเขียนโค้ดภาษา C++ ในการหาปีอธิกสุรทิน และจะมีการอธิบายการทำงานพร้อมด้วย usecase ในโลกจริงที่สามารถประยุกต์ใช้โค้ดนี้ได้

ตัวอย่าง CODE 1: การตรวจสอบปีอธิกสุรทินแบบพื้นฐาน

 #include <iostream>
using namespace std;

bool isLeapYear(int year) {
    if (year % 4 != 0) {
        return false; // ไม่ใช่ปีอธิกสุรทินถ้าไม่หารด้วย 4 ลงตัว
    } else if (year % 100 == 0 && year % 400 != 0) {
        return false; // ไม่ใช่ปีอธิกสุรทินถ้าเป็นปีที่สิ้นสุดศตวรรษแต่หารด้วย 400 ไม่ลงตัว
    }
    return true; // ในกรณีอื่นๆ เป็นปีอธิกสุรทิน
}

int main() {
    int year;
    cout << "Enter a year: ";
    cin >> year;
    if(isLeapYear(year)) {
        cout << year << " is a leap year." << endl;
    } else {
        cout << year << " is not a leap year." << endl;
    }
    return 0;
}

ในตัวอย่างนี้ เราได้สร้างฟังก์ชัน `isLeapYear` ที่รับพารามิเตอร์เป็นปีที่ต้องการตรวจสอบ และคืนค่าเป็น `true` ถ้าเป็นปีอธิกสุรทินและ `false` ถ้าไม่ใช่

ตัวอย่าง CODE 2: การตรวจสอบปีอธิกสุรทินโดยใช้ Operator Ternary

 #include <iostream>
using namespace std;

bool isLeapYear(int year) {
    return (year % 4 == 0 && (year % 100 != 0 || year % 400 == 0)) ? true : false;
}

int main() {
    // โค้ดส่วนนี้เหมือนกับข้างต้น
    ...
}

จุดเด่นของตัวอย่างนี้คือการใช้ operator ternary เพื่อลดฟังก์ชันให้สั้นลง

ตัวอย่าง CODE 3: การแสดงผลปีอธิกสุรทินโดยตรงจากฟังก์ชัน

 #include <iostream>
using namespace std;

void checkAndPrintLeapYear(int year) {
    if ((year % 4 == 0 && year % 100 != 0) || year % 400 == 0) {
        cout << year << " is a leap year." << endl;
    } else {
        cout << year << " is not a leap year." << endl;
    }
}

int main() {
    int year;
    cout << "Enter a year: ";
    cin >> year;
    checkAndPrintLeapYear(year);
    return 0;
}

ตัวอย่างนี้จะไม่มีการคืนค่าจากฟังก์ชัน แต่จะทำการพิมพ์ผลลัพธ์ออกมาทันที

Usecase ในโลกจริง: การจัดการปฏิทินและการวางแผนงาน

ในการจัดการปฏิทินและการวางแผนงาน เช่น การสร้างโปรแกรมวางแผนการผลิต การจัดตารางงาน หรือระบบ HR ที่ต้องคำนวณวันหยุดและวันทำงาน เราต้องทราบว่าปีใดเป็นปีอธิกสุรทินเพื่อที่จะสามารถวางแผนและจัดการตารางงานได้อย่างถูกต้อง

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักพัฒนาที่กำลังทำโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับวันที่หรือเป็นผู้ที่สนใจในการเขียนโปรแกรม ความเข้าใจเกี่ยวกับการหาปีอธิกสุรทินจะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับปัญหาด้านวันที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ที่ EPT หรือ Expert-Programming-Tutor เรามีหลักสูตรที่จะช่วยพัฒนาทักษะด้านการเขียนโปรแกรมของคุณให้กระชับ มีผลิตภาพและใช้งานได้จริง ซึ่งช่วยเสริมให้ความรู้ของคุณก้าวหน้าไม่แพ้ใคร คุณจะได้เรียนรู้ผ่านการทำโปรเจกต์จริงและด้วยความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เรียนรู้การเขียนโค้ดอย่างมีสไตล์และทันสมัยกับเราที่ EPT ได้แล้ววันนี้!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง