สมัครเรียนโทร. 085-350-7540 , 084-88-00-255 , ntprintf@gmail.com

Seperate Chaining Hashing

เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา R language โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน C ผ่าน Seperate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน C++ ผ่าน Seperate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Java ผ่าน Seperate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน C# ผ่าน Seperate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน VB.NET ผ่าน Seperate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Python ผ่าน Seperate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Golang ผ่าน Seperate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน JavaScript ผ่าน Seperate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Perl ผ่าน Seperate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Lua ผ่าน Seperate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Rust ผ่าน Seperate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา Php โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา Next โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา Node.is โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา fortran โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา Delphi Object Pascal โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา MATLAB โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา Swift โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา Kotlin โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา COBOL โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา Objective-C โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา Dart โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา Scala โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา TypeScript โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา Abap โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา VBA โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา Julia โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา Haskell โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา Groovy โดยใช้ Seperate Chaining Hashing พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน PHP ผ่าน Seperate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Next.js ผ่าน Separate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Node.js ผ่าน Separate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Fortran ผ่าน Separate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Delphi Object Pascal ผ่าน Seperate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิกใน MATLAB ผ่าน Separate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Swift ผ่าน Separate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Kotlin ผ่าน Separate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน COBOL ผ่าน Separate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Objective-C ผ่าน Separate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Dart ผ่าน Separate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Scala ผ่าน Separate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน R language ผ่าน Separate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน TypeScript ผ่าน Seperate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน ABAP ผ่าน Separate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน VBA ผ่าน Seperate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Julia ผ่าน Seperate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Haskell ผ่าน Separate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Groovy ผ่าน Separate Chaining Hashing เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลแบบไดนามิคใน Ruby ผ่าน Seperate Chaining Hashing

"เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา R language โดยใช้ Seperate Chaining Hashing" พร้อมยก code มาเป็นตัวอย่างสำหรับการ insert, update ข้อมูล , ค้นหา find, delete และอธิบายการทำงานสั้นๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย

 

# เทคนิคการเขียนโค้ดเพื่อการจัดการข้อมูลในภาษา R language โดยใช้ Separate Chaining Hashing

การจัดการข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นในทุกๆ องค์กร การเก็บข้อมูลแบบมีประสิทธิภาพจะช่วยให้สามารถค้นหา และปรับปรุงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว เทคนิคที่ได้รับความนิยมหนึ่งสำหรับการจัดการข้อมูลคือการใช้ Hashing ซึ่ง Separate Chaining Hashing เป็นหนึ่งในวิธีการที่ใช้ในการแก้ปัญหาการชนของข้อมูล (collisions) เมื่อใช้ hashing เราจะมาดูกันว่า Separate Chaining Hashing ทำงานอย่างไรในภาษา R รวมถึงข้อดีและข้อเสียของมันคืออะไร

 

มารู้จักกับ Separate Chaining Hashing

Separate Chaining Hashing เป็นเทคนิคหนึ่งที่ใช้ในการจัดการ collision ใน hash table โดยแต่ละ slot หรือ bucket ใน hash table จะเก็บข้อมูลในรูปของ linked list เมื่อมีข้อมูลที่ทำ hashing มาให้ค่าเดียวกันหรือเกิด collision ข้อมูลใหม่จะถูกเพิ่มเข้าไปใน linked list ของ bucket นั้นๆ

การทำงานของ Separate Chaining Hashing สามารถสรุปได้ดังนี้:

- Insert (การเพิ่มข้อมูล): คำนวณ hash value จากข้อมูลที่ต้องการเพิ่ม จากนั้นใช้เป็น index เพื่อหา bucket ที่เหมาะสมในการเพิ่มข้อมูล ถ้า bucket นั้นว่าง ให้เพิ่มข้อมูลเข้าไปโดยตรง หากไม่ว่างให้นำข้อมูลเพิ่มเข้าในรายการที่เชื่อมโยงใน bucket นั้น

- Update (การปรับปรุงข้อมูล): ค้นหาลำดับเชื่อมโยงใน bucket ที่เกี่ยวข้อง และปรับปรุงข้อมูลที่ต้องการ

- Find (การค้นหาข้อมูล): ค่า hash จะบ่งบอกถึง bucket ที่ข้อมูลอาจอยู่ จากนั้นทำการค้นหาในลิสต์ที่เชื่อมโยงกันภายใน bucket นั้น

- Delete (การลบข้อมูล): เหมือนกับการค้นหา แต่แทนที่จะเข้าถึงข้อมูล เราจะลบองค์ประกอบนั้นออกจากลิสต์ที่เชื่อมโยง

 

ตัวอย่างโค้ดในภาษา R ด้วย Separate Chaining Hashing

เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ต่อไปนี้คือตัวอย่างโค้ดสำหรับฟังก์ชันต่างๆ ในการใช้งาน Separate Chaining Hashing ในภาษา R (สังเกตว่า R ไม่ได้มีโครงสร้างข้อมูลแบบ hash table มาให้เราจะจำลองมันขึ้นมาเองสำหรับวัตถุประสงค์นี้):

สร้าง Hash Table


# สร้าง hash table ด้วยขนาด size และฟังก์ชัน hash ที่กำหนด
create_hash_table <- function(size, hash_func) {
  hash_table <- vector("list", size)
  attr(hash_table, "hash_func") <- hash_func
  return (hash_table)
}

Insert Function


# ฟังก์ชันสำหรับเพิ่มข้อมูล
insert <- function(hash_table, key, value) {
  # Compute hash value for the key
  idx <- attr(hash_table, "hash_func")(key)

  # Create a new node for the value
  node <- list(key = key, value = value)

  # Insert at the beginning of the list in the computed index
  hash_table[[idx]] <- c(node, hash_table[[idx]])
}

Update Function


# ฟังก์ชันสำหรับปรับปรุงข้อมูล
update <- function(hash_table, key, new_value) {
  idx <- attr(hash_table, "hash_func")(key)
  bucket <- hash_table[[idx]]

  for (i in seq_along(bucket)) {
    if (bucket[[i]]$key == key) {
      bucket[[i]]$value <- new_value
      break
    }
  }
}

Find Function


# ฟังก์ชันสำหรับค้นหาข้อมูล
find <- function(hash_table, key) {
  idx <- attr(hash_table, "hash_func")(key)
  bucket <- hash_table[[idx]]

  for (node in bucket) {
    if (node$key == key) {
      return (node$value)
    }
  }
  return (NULL) # ถ้าไม่พบข้อมูล
}

Delete Function


# ฟังก์ชันสำหรับลบข้อมูล
delete <- function(hash_table, key) {
  idx <- attr(hash_table, "hash_func")(key)
  bucket <- hash_table[[idx]]

  hash_table[[idx]] <- Filter(function(node) node$key != key, bucket)
}

ตัวอย่างการใช้งาน Hash Table ข้างต้น


# Define a simple hash function (e.g., using modulo)
hash_func <- function(key) ((key %% 7) + 1)

# Create a hash table with 7 slots (using modulo 7)
my_hash_table <- create_hash_table(7, hash_func)

# Insert some key-value pairs
insert(my_hash_table, 1, 'A')
insert(my_hash_table, 8, 'B')

# Update a value
update(my_hash_table, 1, 'Updated A')

# Find a value
cat('Value for key 1:', find(my_hash_table, 1), '\n')

# Delete a value
delete(my_hash_table, 1)
cat('Value for key 1 after deletion:', find(my_hash_table, 1), '\n')

 

ข้อดีของ Separate Chaining Hashing

- ลดการเกิด collision: ด้วยการเก็บชุดข้อมูลที่มี hash value ซ้ำกันในรูปแบบของ linked list เราสามารถจัดการการชนกันของข้อมูลได้ดี

- ขยายตารางได้ง่าย: เมื่อต้องการขยายความจุของ hash table สามารถทำได้โดยปรับขนาดและรักษาลิสต์ที่เชื่อมโยง

- การจัดการหน่วยความจำยืดหยุ่นได้: มีการจัดการหน่วยความจำที่เหมาะสมกับจำนวนข้อมูลและสามารถทำให้เกิดข้อมูลไม่มากเกินไปในแต่ละ bucket

 

ข้อเสียของ Separate Chaining Hashing

- การใช้หน่วยความจำเพิ่มเติม: Separate Chaining ต้องการ space เพิ่มสำหรับ pointer ในแต่ละ node ของ linked list

- Performance: ถ้า hash function ไม่ดีพอ อาจจะทำให้ข้อมูลต่างๆ ถูกจัดเก็บภายใน bucket เดียวกันเป็นจำนวนมาก ทำให้เวลาในการค้นหาข้อมูลนานขึ้น

โดยรวมแล้ว Separate Chaining Hashing เป็นเทคนิคที่ดีสำหรับการจัดการข้อมูลที่มีการชนกันของ key การเลือกใช้การจัดการข้อมูลนี้ใน R ต้องอาศัยการเข้าใจการทำงานของ hash function และการบริหารจัดการหน่วยความจำ

ถ้าคุณสนใจในการเรียนรู้เทคนิคการเขียนโค้ดที่ยอดเยี่ยมนี้และเทคนิคอื่นๆ ในภาษา R หรือภาษาโปรแกรมมิ่งอื่นๆ อย่าลืมสมัครเรียนที่ Expert-Programming-Tutor (EPT) เรามีหลักสูตรที่เหมาะสำหรับคุณ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ และตัวอย่างโค้ดที่จะช่วยให้คุณเข้าใจการทำงานของโค้ดในระดับที่ลึกขึ้น!

 

 

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง


Tag ที่น่าสนใจ: r_language separate_chaining_hashing coding_technique data_management hash_table insert_data update_data find_data delete_data linked_list hash_function memory_management performance_optimization programming_tutorial code_examples


บทความนี้อาจจะมีที่ผิด กรุณาตรวจสอบก่อนใช้

หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor

ไม่อยากอ่าน Tutorial อยากมาเรียนเลยทำอย่างไร?

สมัครเรียน ONLINE ได้ทันทีที่ https://elearn.expert-programming-tutor.com

หรือติดต่อ

085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM

แผนที่ ที่ตั้งของอาคารของเรา

แผนผังการเรียนเขียนโปรแกรม

Link อื่นๆ

Allow sites to save and read cookie data.
Cookies are small pieces of data created by sites you visit. They make your online experience easier by saving browsing information. We use cookies to improve your experience on our website. By browsing this website, you agree to our use of cookies.

Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com

ติดต่อเราได้ที่

085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
แผนที่ ที่ตั้งของอาคารของเรา