ก่อนที่จะพาทุกท่านไปสู่โลกของการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Rust ผ่าน Greedy Algorithm หรือในภาษาไทยอาจเรียกว่า "อัลกอริธึมตะกละ" เรามาทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานของมันกันก่อน โดยหลักการนี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การออกแบบอัลกอริธึมที่สำคัญ โดยจะเน้นการเลือกสิ่งที่ดูเหมือนจะดีที่สุดในแต่ละขั้นตอนทันที หรือ "ทำสิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน" โดยหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในตอนจบ แม้ว่า Greedy Algorithm จะสามารถนำมาใช้ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ในหลายกรณีมันก็สามารถให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับคำตอบที่ดีที่สุดได้ แต่อย่าลืมว่าไม่ใช่ทุกปัญหาที่ Greedy Algorithm จะสามารถให้คำตอบที่ถูกต้องได้เสมอไป
Greedy Algorithm มีความสามารถในการแก้ปัญหาโดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการหาคำตอบแบบเร็วๆ ซึ่งรวมถึงโจทย์ที่เกี่ยวกับการหาเส้นทางที่สั้นที่สุด (Shortest Path Problem), การกำหนดตารางงาน (Scheduling Problem), การแบ่งกลุ่มข้อมูลเป็นกลุ่มย่อย (Set Covering Problem) และการแลกเปลี่ยนเหรียญ (Coin Change Problem) ซึ่งเป็นโจทย์ที่เราจะพูดถึงในบทความนี้
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการเขียนโค้ดภาษา Rust สำหรับโจทย์ Coin Change Problem โดยใช้ Greedy Algorithm:
fn coin_change_greedy(coins: &mut [usize], mut amount: usize) -> Vec {
// เรียงลำดับเหรียญจากมากไปน้อย
coins.sort_by(|a, b| b.cmp(a));
let mut change = Vec::new();
for &coin in coins.iter() {
while amount >= coin {
amount -= coin;
change.push(coin);
}
}
change
}
fn main() {
let mut coins = vec![1, 5, 10, 25]; // ใช้เหรียญของอเมริกาเป็นตัวอย่าง
let amount = 63; // จำนวนเงินที่ต้องการแลกเปลี่ยน
let change = coin_change_greedy(&mut coins, amount);
println!("แลกเปลี่ยนเหรียญสำหรับจำนวนเงิน {} ได้เหรียญ: {:?}", amount, change);
}
ในตัวอย่างข้างต้น เราทำการเรียงลำดับของเหรียญจากมากไปน้อย และทำการลูปเพื่อหาจำนวนเหรียญที่ต้องการแลก โดยการหักจำนวนเงินที่ต้องการแลกออกด้วยเหรียญที่ใหญ่ที่สุดที่สามารถแลกได้ในเวลานั้นๆ
Greedy Algorithm มีการใช้งานที่หลากหลายในโลกจริง ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือการหาระยะเวลาสั้นที่สุดในงานโครงการต่างๆ เช่น ในกรณีของการวางแผนก่อสร้างหรือในการหาเส้นทางที่สั้นที่สุด ในโครงข่ายสื่อสารเพื่อเดินทางหรือส่งข้อมูล
ความซับซ้อน (Complexity)
ความซับซ้อนของ Greedy Algorithm นั้นแตกต่างกันไปตามปัญหา โดยความซับซ้อนจะอยู่ที่การเรียงลำดับข้อมูลและการวนซ้ำ ในตัวอย่างของ Coin Change Problem การเรียงลำดับคือ O(n log n) และการวนซ้ำสามารถทำได้ดีที่สุดใน O(m) ซึ่ง n คือจำนวนเหรียญ และ m คือจำนวนรอบที่เรากระทำการหักจำนวนเงิน ดังนั้นการทำงานรวมกันอย่างเหมาะสมอาจมีความซับซ้อนในโดยรวมที่ O(n log n + m)
ข้อดี
- รวดเร็วและง่ายต่อการพัฒนา
- สามารถใช้ได้กับปัญหาที่มีขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนโดยไม่ต้องคำนึงถึงความสมบูรณ์ของคำตอบ
ข้อเสีย
- ไม่มีการรับประกันว่าจะให้คำตอบที่แม่นยำที่สุด
- บางครั้งการเลือกที่ดูดีที่สุดในปัจจุบันอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เหมาะสมในระยะยาว
Greedy Algorithm เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการหาคำตอบของปัญหาที่มีลักษณะเฉพาะทาง ในเมื่อทุกคนได้ทำความเข้าใจถึงหลักการและการใช้งาน รวมไปถึงข้อจำกัดของมัน สิ่งที่ตามมาคือการนำไปประยุกต์ใช้ ที่ EPT เรามุ่งมั่นในการส่งมอบความรู้ที่เป็นปัจจุบันและให้ประโยชน์สูงสุดสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ พร้อมโอกาสในการฝึกปฏิบัติจริง ไม่เพียงแต่ภาษา Rust แต่ยังมีการให้ความรู้ภาษาโปรแกรมมิ่งอื่นๆ เชิญการค้นหาเส้นทางการเป็นนักพัฒนาซอฟต์เวียร์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นกับเราที่ EPT ซึ่งคุณจะได้เรียนรู้ด้วยหลักสูตรที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ทั้งในแง่ทฤษฎีและปฏิบัติการ!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: greedy_algorithm อัลกอริธึมตะกละ การแก้ปัญหา โจทย์ที่ใช้_greedy_algorithm ตัวอย่างภาษา_rust coin_change_problem ความซับซ้อน ข้อดีข้อเสีย การเรียนรู้ ept
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM