ทุกครั้งที่คุณใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ โอกาสที่คุณจะใช้สร้างและใช้ไลบรารีซึ่งเป็นชุดคำสั่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้คุณสามารถนำไปใช้ซ้ำได้ ไลบรารีนั้นมีอยู่สองประเภทที่สำคัญในการพัฒนาซอฟต์แวร์ คือ static library และ dynamic library ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งในลักษณะการใช้งานและคุณสมบัติที่มี
Static Library
เมื่อคุณใช้ static library ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ คอมไพเลอร์จะนำโค้ดทั้งหมดจากไลบรารีนั้นมาผนวกเข้ากับโปรแกรมที่คุณสร้างขึ้น ซึ่งหมายความว่าขนาดของโปรแกรมจะมีขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วย เมื่อโปรแกรมถูกคอมไพล์และถูกเรียกใช้งาน โค้ดจาก static library จะถูกลิงก์ (link) อย่างตรงไปตรงมากับโปรแกรม ซึ่งทำให้เราสามารถนำไปใช้งานโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาไลบรารีต้นฉบับอีกต่อไป นี่เป็นที่มาของคำว่า "static" ซึ่งหมายถึงความคงที่ของไลบรารีส่วนนี้ที่ถูกผนวกเข้ากับโปรแกรมของเรา
#### ข้อดี
- ความรวดเร็ว: เนื่องจากโค้ดทั้งหมดถูกผนวกเข้าไปกับโปรแกรม การที่โปรแกรมถูกเรียกใช้จะมีความรวดเร็วมากขึ้น
- ความสะดวกสบาย: ไม่ต้องมีไลบรารีต้นฉบับมาด้วยเมื่อนำโปรแกรมไปใช้งานที่เครื่องอื่น
#### ข้อเสีย
- ขนาดของโปรแกรม: การผนวกโค้ดทั้งหมดจาก static library จะทำให้ขนาดของโปรแกรมมีความใหญ่ขึ้น
Dynamic Library
ส่วนใน dynamic library โค้ดของไลบรารีจะถูกเก็บไว้ที่ที่เซิร์ฟเวอร์ของระบบปฏิบัติการ และเมื่อโปรแกรมถูกเรียกใช้งาน โค้ดจากไลบรารีจะถูกโหลดในหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์และลิงก์กับโปรแกรม ในกรณีนี้ ไลบรารีจะไม่ถูกผนวกเข้ากับโปรแกรม ซึ่งหมายความว่าไลบรารีสามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ ได้เช่นกัน นี่เป็นที่มาของคำว่า "dynamic" ซึ่งหมายถึงการโหลดโค้ดไลบรารีขณะรันโปรแกรม
#### ข้อดี
- ขนาดของโปรแกรม: โปรแกรมที่ใช้ dynamic library จะมีขนาดเล็กกว่าเพราะโค้ดจากไลบรารีไม่ถูกผนวกเข้ากับโปรแกรม
- การอัพเดท: การอัพเดทไลบรารีที่ใช้ร่วมกับโปรแกรมจะง่ายขึ้นเพราะไม่ต้องคอมไพล์โปรแกรมใหม่ทุกครั้งที่มีการอัพเดท
#### ข้อเสีย
- ความเร็ว: การโหลดโค้ดจากไลบรารีขณะรันโปรแกรมอาจทำให้ความรวดเร็วลดลง
การเลือกใช้งาน
การเลือกใช้งาน static library หรือ dynamic library นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของโปรแกรมที่คุณกำลังพัฒนา ถ้าคุณต้องการให้โปรแกรมมีขนาดเล็กและอัพเดทไลบรารีง่าย คุณสามารถใช้ dynamic library แทน static library แต่ถ้าคุณต้องการความรวดเร็วในการทำงานและไม่ต้องการพึ่งพาไลบรารีภายนอก เลือกใช้ static library ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน
ตัวอย่างโค้ด
นี่คือตัวอย่างโค้ดที่ใช้ static library ในภาษา C++:
// ไฟล์ main.cpp
#include
#include "mylibrary.h"
int main() {
std::cout << "The sum is: " << add(5, 3) << std::endl;
return 0;
}
// ไฟล์ mylibrary.h
#ifndef MYLIBRARY_H
#define MYLIBRARY_H
int add(int a, int b);
#endif
// ไฟล์ mylibrary.cpp
#include "mylibrary.h"
int add(int a, int b) {
return a + b;
}
ในตัวอย่างโค้ดนี้ เราใช้ static library เพื่อนำโค้ดฟังก์ชัน `add` มาผนวกกับโปรแกรมที่ต้องการใช้งาน
สรุป
การเลือกใช้งาน static library หรือ dynamic library นั้นมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน คุณควรพิจารณาถึงความต้องการของโปรแกรมของคุณและเลือกใช้ไลบรารีตามที่เหมาะสมที่สุด โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพ ขนาดของโปรแกรม และความสะดวกสบายในการอัพเดทไลบรารีอีกด้วย
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ static library และ dynamic library ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้มากขึ้น และช่วยให้การตัดสินใจเลือกใช้ไลบรารีในโปรเจ็กต์ของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: static_library dynamic_library software_development programming_languages c++ library_management code_linking library_usage library_types software_engineering library_benefits library_drawbacks library_selection library_update library_integration
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com