ภายในโลกแห่งการพัฒนาซอฟต์แวร์ ความสามารถของนักพัฒนาไม่ได้อยู่ที่การเขียนโค้ดเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงการใช้เครื่องมือเสริมที่ทำให้การเขียนโปรแกรมง่ายและมีประสิทธิภาพขึ้น ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 5 Productivity Tools ที่นักพัฒนาควรมีติดเครื่องไว้ เพื่อช่วยให้งานของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Visual Studio Code (VS Code) เป็นโปรแกรมแก้ไขโค้ดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่นักพัฒนา เนื่องจากใช้งานง่าย รองรับภาษาโปรแกรมมิ่งหลายหลาย และปรับแต่งได้ตามต้องการผ่านการใช้ extensions ต่างๆ เช่นการตรวจสอบโค้ดด้วย linter, การจัดรูปแบบโค้ดอัตโนมัติ รวมไปถึงการรองรับการทำงานร่วมกันออนไลน์ด้วย Live Share
ตัวอย่างการปรับปรุง workflow ด้วย VS Code:
// ตัวอย่างการใช้งาน Prettier extension สำหรับจัดรูปแบบโค้ดอัตโนมัติ
// ติดตั้ง Prettier ผ่าน Extension Marketplace ใน VS Code
// คุณสามารถกำหนดการจัดรูปแบบโค้ดได้ในไฟล์ .prettierrc
{
"semi": true,
"tabWidth": 2,
"useTabs": false,
"singleQuote": true
}
การใช้งาน VS Code กับเครื่องมืออย่าง Prettier จะช่วยให้โค้ดที่คุณเขียนมีความสอดคล้องกัน และยังลดเวลาที่จะต้องใช้ในการเขียนโค้ดด้วยมือลงอีกด้วย
Git เป็นระบบควบคุมเวอร์ชั่น (Version Control System) ที่ทุกนักพัฒนาควรใช้ เพราะช่วยในการติดตามและจัดการการเปลี่ยนแปลงของโค้ดในโปรเจคได้อย่างเป็นระบบ ขณะที่ GitHub คือบริการออนไลน์ที่ใช้เก็บโค้ดโปรเจคทำให้สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างการใช้ Git ในการเริ่มต้นโปรเจคใหม่:
# ตั้งค่าผู้ดูแลโปรเจค
git config --global user.name "Your Name"
git config --global user.email "your.email@example.com"
# เริ่มต้นโปรเจคใหม่
git init my-new-project
cd my-new-project
# ทำการเพิ่มไฟล์และแรกเริ่มการ commit
git add .
git commit -m "Initial commit"
การใช้ Git และ GitHub จะเพิ่มความสามารถในการทำงานเป็นทีม รวมทั้งการรับความช่วยเหลือจากชุมชนของนักพัฒนาทั่วโลกได้
Docker เป็นเครื่องมือที่ใช้จัดการ containers เพื่อรับประกันว่าซอฟต์แวร์จะทำงานเหมือนกันไร้ปัญหาไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมการพัฒนาใดๆ Docker ช่วยลดปัญหาของคำว่า "มันทำงานบนเครื่องของฉันนะ" ลงไปได้มาก
ตัวอย่างการใช้ Docker ในการสร้างและรัน container:
# Dockerfile สำหรับสร้าง image ที่มี Node.js
FROM node:14
# ตั้งค่า working directory
WORKDIR /app
# คัดลอกไฟล์ 'package.json' และ 'package-lock.json' (หากมี) ไปยัง container
COPY package*.json ./
# ติดตั้ง dependencies
RUN npm install
# คัดลอกไฟล์ทั้งหมดในโปรเจคไปยัง container
COPY . .
# กำหนดคำสั่งที่จะทำงานเมื่อ container ถูกสร้าง
CMD ["node", "index.js"]
การใช้ Docker ทำให้นักพัฒนามีสไตล์การทำงานที่ต่อเนื่อง สะดวก และได้มาตรฐานในหมู่กัน
Postman เป็นเครื่องมือที่ช่วยทดสอบ API อย่างทรงพลัง คุณสามารถสร้าง requests ของคุณ ทดสอบ และจัดรวบรวมเป็นคอลเล็กชันเพื่อใช้ในการทดสอบในอนาคตได้
ตัวอย่างการใช้ Postman สำหรับการทดสอบ API:
# ใช้ Postman เพื่อส่ง HTTP request
# คุณสามารถเลือก request method หรือแม้กระทั่งข้อมูลต่างๆ ที่ต้องการส่งไปพร้อม request
การใช้ Postman ทำให้การทดสอบ API ของคุณเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว โดยไม่ต้องอาศัยการเขียนสคริปต์ทดสอบมากมาย
การบริหารโปรเจคและงานต่างๆ ให้เป็นไปอย่างมีระบบเป็นสิ่งสำคัญพอๆ กับการเขียนโค้ด Trello และ Jira เป็นเครื่องมือที่ทำให้การจัดการโปรเจคและติดตามความคืบหน้าง่ายขึ้น คุณสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้สร้างบอร์ด ลิสต์ และการ์ดเพื่อจัดการกับงานทั้งหลาย
ตัวอย่างการใช้ Trello ในการจัดการงาน:
# สร้างบอร์ดบน Trello และเพิ่มลิสต์ต่างๆ เช่น 'To Do', 'Doing', และ 'Done'
# ในแต่ละลิสต์ คุณสามารถเพิ่มการ์ดที่เป็นงานย่อยต่างๆ และจัดลำดับความสำคัญ
การบริหารโครงการที่มีระเบียบและแท้จริงสามารถช่วยให้คุณรักษาโฟกัส และฝ่าฟันทุกอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ เครื่องมือเหล่านี้ยังสามารถช่วยพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมไปในตัวอีกด้วย จากการที่คุณเริ่มเข้าใจการใช้งานเครื่องมือเฉพาะทาง และปรับใช้ให้เหมาะสมกับงานที่คุณกำลังทำอยู่ หากคุณทำงานเป็นทีม การใช้เครื่องมือเหล่านี้ยังช่วยในการสื่อสาร และการทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
การพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นงานที่ท้าทายและต้องการทักษะที่หลากหลาย ดังนั้นการมีเครื่องมือที่ดีคือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้งานของคุณมีคุณภาพและถูกจัดการได้อย่างเป็นระบบ เพื่อการทำงานที่สะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การทำความคุ้นเคยและเลือกใช้เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยอัปเกรดการทำงานของนักพัฒนาให้เป็นมืออาชีพได้อย่างไม่ต้องสงสัย
หากคุณต้องการฝึกฝนและพัฒนาทักษะการใช้เครื่องมือเหล่านี้ หรือทักษะอื่นๆ ในการเขียนโปรแกรม การเรียนที่ Expert-Programming-Tutor จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้วิธีการใช้เครื่องมือพื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง ในสภาพแวดล้อมการเรียนการสอนที่ตรงจุดและเข้าใจง่าย อีกทั้งยังมีโอกาสได้ฝึกทักษะกับโปรเจคจริง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการพัฒนาระบบหรือแอปพลิเคชันต่อไปในอนาคตของคุณ
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM