เรื่องน่ารู้: การใช้งาน if-else ในภาษา TypeScript พร้อมตัวอย่าง
บทความโดย EPT – Expert-Programming-Tutor ที่คนพัฒนาไม่ควรพลาด
สวัสดีครับผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน! ในวันนี้ EPT หรือ Expert-Programming-Tutor ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนการเขียนโปรแกรมชั้นนำ จะนำเสนอบทความเกี่ยวกับการใช้งาน if-else ในภาษา TypeScript ซึ่งเป็นภาษาที่มีความเข้มข้นของเนื้อหาโปรแกรมมิ่ง รวมทั้งตัวอย่างโค้ดที่เข้าใจง่าย เราจะผ่านการอธิบายการทำงานของโค้ด และสำรวจ usecase ที่ใช้ในโลกจริงไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือนักพัฒนามืออาชีพ บทความนี้จะมอบความรู้และแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ภาษาโปรแกรมมิ่งให้แก่คุณอย่างมีคุณภาพ ลองดูกันเลย!
การตัดสินใจเป็นหัวใจสำคัญของการเขียนโปรแกรม เรามักจะต้องใช้โครงสร้างการควบคุมการไหลของโปรแกรมอย่าง if-else เพื่อทำการประมวลผลที่แตกต่างกันตามเงื่อนไขที่เจอ ใน TypeScript ซึ่งเป็นภาษาที่มี type system และเป็น superset ของ JavaScript การใช้ if-else ก็เป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ่อย ต่อไปนี้คือการอธิบายพร้อมกับตัวอย่างโค้ด:
ตัวอย่างโค้ดที่ 1: การตรวจสอบอายุ
function checkAge(age: number): string {
if (age >= 18) {
return 'คุณมีสิทธิ์ใช้งานบริการนี้';
} else {
return 'ขอโทษครับ, คุณต้องอายุอย่างน้อย 18 ปี';
}
}
console.log(checkAge(20)); // คุณมีสิทธิ์ใช้งานบริการนี้
console.log(checkAge(16)); // ขอโทษครับ, คุณต้องอายุอย่างน้อย 18 ปี
จากตัวอย่างโค้ดข้างต้น เราสามารถเห็นว่ามีการสร้างฟังก์ชัน `checkAge` ที่รับพารามิเตอร์ `age` และ return ข้อความตามเงื่อนไขที่ได้รับ If-else ทำให้โค้ดสามารถตอบสนองตามความต้องการของเงื่อนไข คือ อายุครบ 18 ปีขึ้นไปหรือไม่
ตัวอย่างโค้ดที่ 2: การตรวจสอบผลการสอบ
function gradeTest(score: number): string {
if (score >= 80) {
return 'ดีมาก';
} else if (score >= 50) {
return 'ดี';
} else {
return 'ต้องพยายามอีกนิด';
}
}
console.log(gradeTest(85)); // ดีมาก
console.log(gradeTest(65)); // ดี
console.log(gradeTest(30)); // ต้องพยายามอีกนิด
ในตัวอย่างที่สองนี้, `gradeTest` ให้การตอบสนองตามช่วงคะแนนที่ได้รับ โดยที่เราใช้ if-else แบบหลายระดับเพื่อทำการแยกแยะผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน Template literalsattt
ตัวอย่างโค้ดที่ 3: การตรวจสอบ login status
type User = {
id: number;
username: string;
loggedIn: boolean;
}
function loginStatus(user: User): string {
if (user.loggedIn) {
return `ยินดีต้อนรับ ${user.username}`;
} else {
return 'กรุณา login เพื่อดำเนินการต่อ';
}
}
const currentUser: User = { id: 1, username: 'john_doe', loggedIn: true };
console.log(loginStatus(currentUser)); // ยินดีต้อนรับ john_doe
ในตัวอย่างสุดท้ายนี้ เราได้สร้าง type `User` สำหรับจำลอง user object ฟังก์ชัน `loginStatus` ตรวจสอบสถานะการ login จาก property `loggedIn` ของ user object และ return ข้อความต้อนรับหรือข้อความให้ login ตามเงื่อนไข
การใช้งาน if-else ในการเขียนโปรแกรมมีมากมาย เช่น ในการพัฒนาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ เราอาจต้องมีการตรวจสอบสถานะของ user ว่าได้ login หรือยัง เพื่อแสดงหน้าต่างการให้บริการที่เหมาะสม หรือการตัดสินใจส่วนลดหรือโปรโมชันตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ เช่น ลูกค้าที่มียอดซื้อสูงกว่าจำนวนที่กำหนดจะได้ส่วนลดเพิ่ม เป็นต้น
การรู้จักการใช้งาน if-else ใน TypeScript จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถควบคุม flow ของโปรแกรมได้อย่างแม่นยำและทำให้โปรแกรมมีความยืดหยุ่นในการรองรับสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่นักพัฒนาทุกคนควรมี
หากคุณต้องการเรียนรู้การเขียนโปรแกรมเพื่อพัฒนา skill set ของคุณ ไม่ต้องมองหาที่ไหนไกล, EPT – Expert-Programming-Tutor พร้อมให้คำแนะนำและการสนับสนุนคุณในทุกๆ ขั้นตอน ร่วมเรียนรู้และโปรแกรมไปกับเรา และค้นหาโอกาสในการใช้งาน if-else ในโครงการของคุณเอง พบกันในคลาสถัดไปนะครับ!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM