การค้นหาหนึ่งในการดำเนินการพื้นฐานทางคอมพิวเตอร์ที่มีการประยุกต์ใช้ในหลากหลายเงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูลในฐานข้อมูล, การตรวจสอบข้อมูลในลิสต์ หรือแม้กระทั่งการเลือกตัวเลือกภายในโปรแกรม ตัวอย่างหนึ่งของอัลกอริทึมการค้นหาที่มีประสิทธิภาพสูงคือ Binary Search ซึ่งใช้วิธีการ "แบ่งแยกและชนะ" (Divide and Conquer) ในการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ
Binary Search เป็นอัลกอริทึมที่ใช้ในการค้นหาตำแหน่งของข้อมูลใน array ที่ถูกเรียงลำดับไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว เป็นต้นว่าหมายเลขหนังสือในโชว์รูมหนังสือ หรือตำแหน่งของคำศัพท์ในพจนานุกรม ด้วยการเปรียบเทียบค่ากับจุดกึ่งกลางของช่วงข้อมูล แล้วเลือกครึ่งหนึ่งก่อนหรือหลังจุดนั้นเพื่อดำเนินการค้นหาต่อไป ทำให้การค้นหามีความเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าการค้นหาแบบธรรมดาตั้งแต่ต้นจนจบ (Linear Search)
#include
int binarySearch(int arr[], int l, int r, int x) {
while (l <= r) {
int m = l + (r - l) / 2;
// Check if x is present at mid
if (arr[m] == x)
return m;
// If x greater, ignore left half
if (arr[m] < x)
l = m + 1;
// If x is smaller, ignore right half
else
r = m - 1;
}
// If the element was not present
return -1;
}
int main(void) {
int arr[] = {2, 3, 4, 10, 40};
int n = sizeof(arr) / sizeof(arr[0]);
int x = 10;
int result = binarySearch(arr, 0, n - 1, x);
(result == -1)
? printf("Element is not present in array")
: printf("Element is present at index %d", result);
return 0;
}
ในโค้ดด้านบน, `binarySearch` เป็นฟังก์ชันที่ทำการค้นหา element `x` ใน array `arr[]` ที่มีช่วงตั้งแต่ `l` ถึง `r` หากพบข้อมูลฟังก์ชันจะ return ตำแหน่งที่พบ หากไม่พบจะ return -1
Binary Search ถูกใช้ในหลายๆ สถานการณ์ ตัวอย่างเช่น:
- หาคีย์ผู้ใช้งานในระบบฐานข้อมูลที่มีการจัดเรียงลำดับไว้แล้ว
- ค้าหาตำแหน่งคำศัพท์ใน digital dictionary ที่จัดเรียงตามลำดับอักษร
- ในซอฟต์แวร์เสียงหาตำแหน่งจุดยุบตัว (breaking point) ในกราฟความไวต่อแสง (sensitivity graph)
- ตรวจสอบเวอร์ชันของซอฟต์แวร์ที่มีการบันทึกเรียงลำดับไว้เพื่อหาข้อผิดพลาด (bug) คาดการณ์ได้
Complexity:
- Time Complexity: ในกรณีที่ดีที่สุด (Best case) เป็น O(1) เมื่อ element ที่ค้นหาอยู่กึ่งกลางของ array ในกรณีเฉลี่ยและกรณีที่แย่ที่สุด (Average และ Worst case) เป็น O(log n) - Space Complexity: เป็น O(1) เมื่อใช้ iterative approach และ O(log n) เมื่อใช้ recursive approach สำหรับ call stackข้อดี:
- สามารถจัดการกับชุดข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแต่ข้อมูลต้องเรียงลำดับอยู่แล้ว
- ใช้หน่วยความจำน้อย เมื่อเทียบกับเทคนิคการค้นหาอื่นๆ
ข้อเสีย:
- ต้องมีขั้นตอนในการเรียงลำดับข้อมูลก่อนหน้าการใช้งาน Binary Search ซึ่งอาจจะใช้เวลามากในกรณีข้อมูลมีขนาดใหญ่
- ไม่เหมาะกับข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง เนื่องจากการเพิ่มหรือลบข้อมูลมักส่งผลให้ต้องเรียงลำดับข้อมูลใหม่
การเรียนรู้เกี่ยวกับ Binary Search และอัลกอริทึมอื่นๆ ไม่เพียงแต่ช่วยให้งานของนักพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นผลสำเร็จ แต่ยังเป็นการเพิ่มความเข้าใจในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนด้วยวิธีการที่มีระบบมากขึ้น หากคุณมีความสนใจในการพัฒนาฝีมือด้านการเขียนโปรแกรม อย่ารอช้าที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมกับ Expert-Programming-Tutor (EPT) เรามีหลักสูตรที่จะพาคุณไปยังจุดเริ่มต้นของการเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์มืออาชีพ พร้อมแนะนำแนวทางแก้ไขปัญหาด้านการเขียนโค้ดที่หลากหลาย และมั่นใจว่าคุณจะสามารถสร้างรากฐานที่มั่นคงในวงการไอทีได้อย่างแน่นอน!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: binary_search c_programming algorithm searching divide_and_conquer array time_complexity space_complexity efficient_searching programming data_structure recursive_function iterative_approach best_practices software_development
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM