การใช้งาน if statement ในภาษา Dart แบบง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง CODE 3 ตัวอย่าง และอธิบายการทำงาน และยกตัวอย่าง usecase ในโลกจริง

การใช้งาน if statement เป็นหนึ่งในพื้นฐานที่สำคัญของการเขียนโปรแกรมในทุกภาษา สำหรับภาษา Dart ที่เป็นที่นิยมสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์ม Flutter การเข้าใจ if statement จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก ในบทความนี้ เราจะแบ่งปันการใช้ if statement ใน Dart แบบง่ายๆ ผ่านตัวอย่างโค้ด 3 ตัวอย่าง พร้อมอธิบายการทำงาน และจะนำเสนอ usecase ในโลกจริงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

การทำงานของ if statement ใน Dart

If statement เป็นโครงสร้างควบคุมที่ช่วยให้โปรแกรมทำการตัดสินใจ ว่าจะทำงานหรือไม่ทำงานบางส่วน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่ง if statement จะประเมินเงื่อนไขในวงเล็บ ถ้าเงื่อนไขที่กำหนดเป็นจริง (true) โปรแกรมจะทำงานบล็อคโค้ดด้านใน ถ้าเป็นเท็จ (false) โปรแกรมจะข้ามบล็อคโค้ดนั้นไป

ตัวอย่างโค้ดที่ 1: การตรวจสอบวัย

void main() {
  int age = 18;
  if (age >= 18) {
    print('คุณมีอายุเพียงพอที่จะได้รับใบอนุญาตขับขี่');
  } else {
    print('คุณยังไม่มีอายุเพียงพอ');
  }
}

ในตัวอย่างนี้ `if (age >= 18)` เป็นเงื่อนไขที่เราต้องการตรวจสอบ หากอายุของบุคคลนั้นมากกว่าหรือเท่ากับ 18 ปี โปรแกรมจะแสดงข้อความตามที่เขียนไว้ในบล็อคโค้ดของ if เงื่อนไขที่ทำให้เป็นจริง และถ้าไม่ใช่ จะแสดงข้อความในบล็อคโค้ดของ else

ตัวอย่างโค้ดที่ 2: การทำเงื่อนไขซ้อน

void main() {
  double score = 85.0;

  if (score >= 80) {
    print('คุณได้เกรด A');
  } else if (score >= 70) {
    print('คุณได้เกรด B');
  } else if (score >= 60) {
    print('คุณได้เกรด C');
  } else {
    print('คุณต้องพยายามเพิ่มเติม');
  }
}

ในโค้ดนี้ใช้เงื่อนไขซ้อน (nested condition) เพื่อจัดการกับช่วงคะแนนต่างๆ ของนักเรียน เพื่อกำหนดเกรดที่ตรงกับช่วงคะแนนนั้นๆ

ตัวอย่างโค้ดที่ 3: การใช้พร้อมกับตัวแปร boolean

void main() {
  bool hasDiscount = true;
  double price = 1000;

  if (hasDiscount) {
    price *= 0.9; // ลดราคา 10%
  }

  print('ราคาหลังลด: $price บาท');
}

ในตัวอย่างนี้เรามีตัวแปร `hasDiscount` ในรูปแบบ boolean ที่สามารถเป็น `true` หรือ `false` เท่านั้น หาก `hasDiscount` เป็น `true` ก็จะทำการคำนวณราคาใหม่ที่ลด 10%

Usecase ในโลกจริง: การจัดการระบบสมาชิก

แอปพลิเคชันหลายต่อหลายประเภทต้องมีการจัดการสมาชิก ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบสิทธิ์ใช้งาน หรือสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล เราอาจจะใช้ if statement ในการตรวจสอบว่าผู้ใช้เป็นสมาชิกที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลพิเศษหรือไม่ หากมี ก็อนุญาตให้เข้าถึง ถ้าไม่มี ก็อาจจะแสดงข้อความว่า "ข้อมูลนี้สำหรับสมาชิกเท่านั้น" หรือนำไปยังหน้าสำหรับการสมัครสมาชิก

สรุปและคำชักชวน

การเข้าใจการใช้งาน if statement ในภาษา Dart หรือภาษาโปรแกรมอื่นๆ คือการเริ่มต้นที่ดีในการเรียนรู้การเขียนโค้ด เพราะเป็นหนึ่งในพื้นฐานที่คุณจะต้องใช้ในแทบทุกโปรแกรมที่คุณสร้างขึ้น ถ้าคุณต้องการพัฒนาทักษะการเข้าใจเงื่อนไขและการตัดสินใจในการเขียนโปรแกรม สถาบัน EPT ขอเชิญชวนคุณมาร่วมเรียนรู้ภาษารายการนำที่ทันสมัยและมีความต้องการสูง ไม่ว่าจะเป็นเพื่องานอดิเรก การศึกษา หรือพัฒนาอาชีพ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนโปรแกรมเมอร์ที่เข้มแข็งกับเราสิ!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง