ถ้าพูดถึงการเขียนโปรแกรม แน่นอนว่าหลายคนต้องเคยได้ยินเรื่องการใช้ "if statement" ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างควบคุมสำคัญของภาษาโปรแกรมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นภาษา Dart, Python หรือ Java เป็นต้น ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจการใช้งาน if statement ในภาษา Dart รวมถึงตัวอย่างโค้ดที่เข้าใจง่ายและการยกตัวอย่าง use case ในโลกจริงกัน
ถ้าให้พูดง่าย ๆ "if statement" เป็นคำสั่งที่ช่วยให้โปรแกรมสามารถตัดสินใจทำสิ่งต่าง ๆ ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด หากเงื่อนไขเป็นจริง (true) โปรแกรมจะทำการดำเนินการที่อยู่ภายในบล็อกของ if statement แต่ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จ (false) โปรแกรมก็จะข้ามไปทำงานต่อ
รูปแบบการใช้งาน
รูปแบบทั่วไปของ if statement ในภาษา Dart มีดังนี้:
และถ้าต้องการให้มีการจัดการเงื่อนไขที่ไม่เป็นจริงด้วย สามารถใช้ `else` ได้ดังนี้:
เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น เรามาดูตัวอย่างโค้ดกันเลย:
ในตัวอย่างนี้ เรามีตัวแปร `age` ที่เก็บค่าอายุ หากอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 18 โปรแกรมจะแสดงข้อความ "คุณสามารถลงคะแนนเสียงได้" ซึ่งตรงกันข้ามถ้าอายุน้อยกว่า 18 โปรแกรมจะแสดงข้อความ "คุณยังไม่สามารถลงคะแนนเสียงได้"
การทำงานของโค้ด
1. โปรแกรมเริ่มต้นที่ฟังก์ชัน `main`
2. มีการประกาศตัวแปร `age` ให้มีค่า 18
3. โปรแกรมประเมินเงื่อนไขใน if statement ว่า `age` มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 18 หรือไม่
4. ถ้าเงื่อนไขเป็นจริง จะทำการแสดงผล "คุณสามารถลงคะแนนเสียงได้"
5. ถ้าหาก `age` แทนด้วยค่า 15 โปรแกรมจะแสดงผล "คุณยังไม่สามารถลงคะแนนเสียงได้"
Now that we've looked at a basic example of using if statements in Dart, let's consider a practical use case.
ตัวอย่าง Use Case: ระบบลงทะเบียนเรียน
สมมุติว่าเราต้องการสร้างระบบลงทะเบียนเรียนออนไลน์ที่ต้องตรวจสอบว่าผู้ใช้มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์หรือไม่ เราอาจใช้ if statement เพื่อทำการตรวจสอบสาขาวิชาที่ผู้เรียนต้องการลงทะเบียน และตามด้วยข้อกำหนดของเกณฑ์เฉพาะสำหรับแต่ละสาขาวิชา
การทำงานของ Use Case
1. เรามีตัวแปร `major` และ `grade` ที่ใช้ในการบ่งบอกสาขาวิชาและระดับคะแนน
2. โปรแกรมจะตรวจสอบว่า `major` เป็น "Computer Science" และ `grade` ต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 80
3. ถ้าเงื่อนไขตรงจะบอกว่า "คุณผ่านเกณฑ์ลงทะเบียนเรียน programing"
4. ถ้าไม่ตรงก็จะมีการตรวจสอบอีกว่าผู้เรียนต้องการเรียนสาขา "Art" และละคะแนนต้องไม่น้อยกว่า 75
5. ถ้าทั้งสองเงื่อนไขไม่เป็นจริง โปรแกรมจะบอกว่า "คุณไม่ผ่านเกณฑ์ลงทะเบียนเรียน"
การใช้งาน if statement ในภาษา Dart สามารถช่วยให้โปรแกรมของคุณสามารถตัดสินใจในกรณีต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การเขียนโปรแกรมเป็นไปอย่างลื่นไหล และทำให้เราสามารถควบคุมการดำเนินการตามเงื่อนไขที่ต้องการ
หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม หรืออยากฝึกฝนการใช้ if statement หรือโครงสร้างควบคุมอื่น ๆ อย่างละเอียด สามารถศึกษาต่อได้ที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) ที่นี่เราเปิดสอนโปรแกรมมิ่งหลากหลายระดับ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือผู้ที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว เรามีคอร์สเรียนที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ! มาร่วมสนุกและเรียนรู้ไปด้วยกันที่ EPT!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM