การใช้งาน Loop และ If-Else Inside Loop ในภาษา Dart

การเขียนโปรแกรมนั้นเป็นศิลปะและวิทยาศาสตร์ที่เราต้องอาศัยการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาอย่างมีระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการควบคุมการไหลของโปรแกรม ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการควบคุมการดำเนินการนี้คือ "loop" และ "if-else". ในบทความนี้เราจะมาดูการใช้งาน Loop และ If-Else ภายใน Loop ในภาษา Dart แบบง่าย ๆ พร้อมตัวอย่าง CODE และการอธิบายการทำงาน รวมทั้ง Use Case ในโลกจริงที่น่าสนใจ

Loop คืออะไร?

Loop เป็นกลไกที่ช่วยให้เราสามารถทำการวนซ้ำการประมวลผลหรือทำซ้ำคำสั่งชุดหนึ่งได้ตามจำนวนครั้งที่ต้องการหรือตามเงื่อนไขที่กำหนด ในภาษา Dart เรามี Loop หลักสองประเภท คือ `for` loop และ `while` loop

ตัวอย่างของ For Loop

 void main() {
  for (var i = 0; i < 5; i++) {
    print('จำนวนรอบที่ $i');
  }
}

จากตัวอย่างนี้ Loop จะทำงานเป็นจำนวน 5 รอบ โดยเริ่มจาก i=0 และเพิ่ม i ขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึง 5

If-Else คืออะไร?

If-Else เป็นโครงสร้างการควบคุมที่ช่วยให้เราทำการตัดสินใจในโปรแกรม ถ้าหากเงื่อนไขเป็นจริง โปรแกรมจะทำงานในบล็อกของ if หากไม่เป็นจริงก็จะเข้าสู่บล็อกของ else

ตัวอย่างของ If-Else

 void main() {
  var score = 75;

  if (score >= 60) {
    print('ผ่าน');
  } else {
    print('ไม่ผ่าน');
  }
}

ในตัวอย่างนี้ ถ้าคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 60 จะพิมพ์ว่า "ผ่าน" หากไม่ใช่จะพิมพ์ "ไม่ผ่าน"

การใช้งาน Loop และ If-Else Inside Loop

การนำ If-Else ภายใน Loop มาใช้ทำให้เราสามารถทำการตรวจสอบเงื่อนไขในแต่ละรอบของ Loop ได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อเราจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลที่มีลักษณะแตกต่างกันไปในแต่ละรอบ

ตัวอย่างการใช้ Loop และ If-Else Inside Loop

 void main() {
  for (var i = 0; i < 10; i++) {
    if (i % 2 == 0) {
      print('$i เป็นเลขคู่');
    } else {
      print('$i เป็นเลขคี่');
    }
  }
}

ในตัวอย่างนี้ Loop จะทำการวนซ้ำจาก 0 ถึง 9 และตรวจสอบว่าเลขที่ได้จาก i นั้นเป็นเลขคู่หรือเลขคี่ โดยใช้เงื่อนไข `i % 2 == 0`

อธิบายการทำงาน

- Loop เริ่มทำงานที่ `i=0`

- เงื่อนไขจะตรวจสอบว่า 0 เป็นเลขคู่หรือไม่ ผลลัพธ์จะถูกพิมพ์ว่า "0 เป็นเลขคู่"

- วนไปที่ค่า `i=1` และทำการตรวจสอบอีกครั้ง ผลลัพธ์จะถูกพิมพ์ว่า "1 เป็นเลขคี่"

- หากทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนถึง `i=9`

Use Case ในโลกจริง

การใช้ Loop และ If-Else ในโปรแกรมประยุกต์จริงมีหลายสถานการณ์ ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการคัดเลือกนักเรียนที่มีคะแนนสูง การใช้ Loop และ If-Else จะช่วยให้เราออกแบบโปรแกรมที่สามารถทำการตรวจสอบคะแนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่าง Use Case: คัดเลือกนักเรียน

สมมติว่าคุณเป็นครูที่ต้องการคัดเลือกนักเรียนเพื่อให้ทุนการศึกษา คุณสามารถใช้ Loop เพื่อตรวจสอบคะแนนของนักเรียนทุกคนในคลาสและตรวจสอบเงื่อนไขในการให้ทุนการศึกษา

 void main() {
  List<int> scores = [85, 90, 55, 76, 35, 100];
  List<String> scholarshipStudents = [];

  for (var score in scores) {
    if (score >= 75) {
      scholarshipStudents.add('นักเรียนที่มีคะแนน $score');
    }
  }

  print('นักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษา: $scholarshipStudents');
}

อธิบายการทำงานของ Use Case นี้

- เรามีรายการคะแนนของนักเรียนใน List ชื่อ `scores`

- ใช้ Loop เพื่อวนซ้ำผ่านคะแนนแต่ละรายการ

- ถ้าคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 75 จะถูกบันทึกในลิสต์ `scholarshipStudents`

- ในที่สุดเราจะแสดงรายชื่อนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษา

สรุป

การใช้ Loop และ If-Else ในการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Dart เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราควบคุมกระบวนการทำงานของโปรแกรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะมีประโยชน์ในด้านการใช้งาน ยังช่วยให้การคิดวิเคราะห์ปัญหาเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ในโลกของโปรแกรมมิ่ง การเรียนรู้แนวทางเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญ คุณรู้ไหมว่า EPT (Expert-Programming-Tutor) ไม่เพียงแค่สอนคุณการเขียนโปรแกรม แต่ยังช่วยให้คุณพัฒนาความคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาของคุณได้อย่างยอดเยี่ยม!

หากคุณสนใจเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม และต้องการขยายขีดความสามารถทางด้าน IT ของคุณ มาลงเรียนที่ EPT กันเถอะ!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง