การเขียน Code NoSQL CRUD โดยใช้ภาษา Dart

ในยุคของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ข้อมูลกลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาล ทั้งข้อมูลส่วนตัวจากผู้ใช้ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ไปจนถึงข้อมูลในการจัดการธุรกิจ การจัดเก็บข้อมูลแบบ NoSQL จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากความยืดหยุ่นและความสามารถในการสเกลที่สูง

วันนี้เราจะมาศึกษาการสร้างการดำเนินการ CRUD (Create, Read, Update, Delete) โดยใช้ภาษา Dart ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมที่พัฒนาโดย Google และใช้สำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันทั้งบนแพลตฟอร์มมือถือและเว็บ เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ดให้กับแอปพลิเคชันของตน

ทำความรู้จักกับ NoSQL

NoSQL (Not Only SQL) เป็นแนวโน้มที่แตกต่างจากฐานข้อมูลแบบ relational เชื่อมโยง เนื่องจากไม่มีโครงสร้างข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง ทำให้สามารถจัดเก็บข้อมูลที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น JSON ซึ่งสามารถทำให้การเข้าถึงและจัดการข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ทำไมต้องใช้ Dart

Dart เป็นภาษาโปรแกรมที่ง่าย โดยเฉพาะสำหรับการสร้างแอปพลิเคชันของ Google โดยที่ Dart มีคุณสมบัติอย่างการ compile อย่างรวดเร็วและการทำงานที่ดีบนแพลตฟอร์มต่างๆ ความสามารถของมันทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้ NoSQL

ติดตั้ง Packages ที่จำเป็น

เริ่มต้นกันที่การติดตั้ง packages ที่จะใช้ในการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล NoSQL ตัวอย่างเช่น Firebase Firestore ซึ่งเป็น NoSQL database ของ Google

1. เปิดไฟล์ `pubspec.yaml`

2. เพิ่ม dependency ดังนี้:

 dependencies:
  cloud_firestore: ^3.1.15

จากนั้นให้รันคำสั่งใน terminal:

 flutter pub get

การเชื่อมต่อกับ Firestore

ก่อนที่เราจะสามารถทำการ CRUD ได้ เราต้องเชื่อมต่อกับ Firestore ก่อน คุณสามารถสร้างอินสแตนซ์ของ Firestore ได้ดังนี้:

 import 'package:cloud_firestore/cloud_firestore.dart';

class FirestoreService {
  final FirebaseFirestore firestore = FirebaseFirestore.instance;

  // จะใช้ Firestore instance นี้ในการทำ CRUD
}

การสร้างข้อมูล (Create)

การสร้างข้อมูลใน Firestore สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ใช้คำสั่ง `add()` เพื่อเพิ่มข้อมูลลงใน collection เช่น สมมติว่าเราต้องการเก็บข้อมูลนักเรียน:

 Future<void> addStudent(String name, int age) async {
  try {
    await firestore.collection('students').add({
      'name': name,
      'age': age,
    });
    print('Student added successfully');
  } catch (e) {
    print('Failed to add student: $e');
  }
}

การอ่านข้อมูล (Read)

ในการอ่านข้อมูลจาก Firestore เราสามารถใช้คำสั่ง `get()` ดังนี้:

 Future<void> getStudents() async {
  try {
    QuerySnapshot snapshot = await firestore.collection('students').get();
    for (var doc in snapshot.docs) {
      print('${doc['name']} is ${doc['age']} years old');
    }
  } catch (e) {
    print('Failed to get students: $e');
  }
}

การอัปเดตข้อมูล (Update)

เราสามารถอัปเดตข้อมูลใน Firestore โดยใช้คำสั่ง `update()`:

 Future<void> updateStudent(String id, String name, int age) async {
  try {
    await firestore.collection('students').doc(id).update({
      'name': name,
      'age': age,
    });
    print('Student updated successfully');
  } catch (e) {
    print('Failed to update student: $e');
  }
}

การลบข้อมูล (Delete)

สุดท้ายในการลบข้อมูลสามารถใช้คำสั่ง `delete()`:

 Future<void> deleteStudent(String id) async {
  try {
    await firestore.collection('students').doc(id).delete();
    print('Student deleted successfully');
  } catch (e) {
    print('Failed to delete student: $e');
  }
}

ส่วนประกอบทั้งหมด

เราสามารถรวบรวมฟังก์ชัน CRUD ทั้งหมดไว้ในคลาสเดียวได้ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน:

 class FirestoreService {
  final FirebaseFirestore firestore = FirebaseFirestore.instance;

  Future<void> addStudent(String name, int age) async {
    try {
      await firestore.collection('students').add({'name': name, 'age': age});
      print('Student added successfully');
    } catch (e) {
      print('Failed to add student: $e');
    }
  }

  Future<void> getStudents() async {
    try {
      QuerySnapshot snapshot = await firestore.collection('students').get();
      for (var doc in snapshot.docs) {
        print('${doc['name']} is ${doc['age']} years old');
      }
    } catch (e) {
      print('Failed to get students: $e');
    }
  }

  Future<void> updateStudent(String id, String name, int age) async {
    try {
      await firestore.collection('students').doc(id).update({'name': name, 'age': age});
      print('Student updated successfully');
    } catch (e) {
      print('Failed to update student: $e');
    }
  }

  Future<void> deleteStudent(String id) async {
    try {
      await firestore.collection('students').doc(id).delete();
      print('Student deleted successfully');
    } catch (e) {
      print('Failed to delete student: $e');
    }
  }
}

สรุป

การเขียนโค้ด CRUD โดยใช้ Dart เพื่อจัดการข้อมูลในฐานข้อมูล NoSQL อย่าง Firestore เป็นกระบวนการที่ง่ายและรวดเร็ว คุณจะพบว่าทักษะในการเขียนโปรแกรมของคุณจะพัฒนาขึ้นถ้าศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลในโลกดิจิทัลนี้

หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม รวมถึง NoSQL และ Dart ที่จะช่วยให้คุณเป็นนักพัฒนาที่มีความสามารถสามารถเข้าไปศึกษาได้ที่ EPT, สถาบันการเรียนรู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ!

การเรียนรู้ไม่เคยมีที่สิ้นสุด มาร่วมเรียนรู้ไปกับเรา พัฒนาทักษะและสามารถสร้างอนาคตที่ดีกว่าได้ด้วยการเขียนโปรแกรม!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง