การเขียน Code NoSQL CRUD โดยใช้ภาษา Ruby

การพัฒนาแอปพลิเคชันในยุคปัจจุบันนั้นไม่สามารถมองข้ามฐานข้อมูล NoSQL ที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสูงไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการสร้างแอปพลิเคชันที่สามารถจัดการกับข้อมูลที่มีโครงสร้างหลากหลายและเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับการเขียนโค้ด CRUD (Create, Read, Update, Delete) โดยใช้ฐานข้อมูล NoSQL กับภาษา Ruby

ทำความรู้จักกับ NoSQL

ก่อนที่เราจะเริ่มเขียนโค้ดกัน เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ NoSQL กันก่อน NoSQL (Not Only SQL) คือ ฐานข้อมูลประเภทหนึ่งที่ไม่ใช้โครงสร้างแบบตารางเหมือนกับฐานข้อมูล SQL ทั่วไป เช่น MySQL หรือ PostgreSQL คุณสมบัติที่เด่นชัดของ NoSQL คือ:

ในบทความนี้ เราจะใช้ฐานข้อมูล MongoDB ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานข้อมูล NoSQL ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

ติดตั้ง MongoDB และ Gem ที่จำเป็น

ก่อนที่เราจะเริ่มเขียนโค้ดกัน เราต้องทำการติดตั้ง MongoDB และ `mongo` gem สำหรับ Ruby ซึ่งจะทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับ MongoDB ได้ก่อน

การติดตั้ง MongoDB

- หากคุณใช้ macOS: สามารถติดตั้งได้ง่ายๆ โดยใช้ Homebrew

```bash

brew tap mongodb/brew

brew install mongodb-community

```

- หากใช้ Windows: สมัครสมาชิกที่ [MongoDB](https://www.mongodb.com/) และดาวน์โหลดตัวติดตั้ง

การติดตั้ง MongoDB gem

ให้ใช้คำสั่งนี้เพื่อติดตั้ง `mongo` gem ในโปรเจกต์ของคุณ:

 gem install mongo

การเชื่อมต่อ MongoDB

ในการเชื่อมต่อกับ MongoDB สามารถทำได้ง่ายๆ ดังตัวอย่างโค้ดต่อไปนี้:

 require 'mongo'

# เชื่อมต่อกับ MongoDB
client = Mongo::Client.new(['127.0.0.1:27017'], database: 'my_database')

# เข้าถึง Collection
collection = client[:my_collection]

ขั้นตอนการทำ CRUD

1. Create - การสร้างข้อมูล

การสร้างข้อมูลใน MongoDB ทำได้โดยการใช้เมธอด `insert_one` หรือ `insert_many` ดังตัวอย่าง:

 # สร้างข้อมูล
document = { name: 'John Doe', age: 30, city: 'Bangkok' }
result = collection.insert_one(document)

puts "Inserted document id: #{result.inserted_id}"

2. Read - การอ่านข้อมูล

การอ่านข้อมูลสามารถทำได้หลายวิธี โดยใช้เมธอด `find` และ `find_one` ดังตัวอย่าง:

 # อ่านข้อมูลทั้งหมด
collection.find.each do |document|
  puts document
end

# อ่านข้อมูลเฉพาะ
user = collection.find(name: 'John Doe').first
puts user

3. Update - การปรับปรุงข้อมูล

การปรับปรุงข้อมูลจะใช้เมธอด `update_one` หรือ `update_many` ดังนี้:

 # ปรับปรุงข้อมูล
collection.update_one({ name: 'John Doe' }, { '$set' => { age: 31 } })
puts "Updated document"

4. Delete - การลบข้อมูล

สำหรับการลบข้อมูล สามารถทำได้โดยใช้เมธอด `delete_one` หรือ `delete_many` ดังนี้:

 # ลบข้อมูล
collection.delete_one({ name: 'John Doe' })
puts "Deleted document"

สรุป

การใช้ภาษา Ruby ร่วมกับฐานข้อมูล NoSQL อย่าง MongoDB เป็นทางเลือกที่ดี และเหมาะสมกับโปรเจกต์ที่มีความหลากหลายของข้อมูล เช่น แอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับ social media หรือโปรเจกต์ที่ต้องจัดการกับชุดข้อมูลขนาดใหญ่

เชิญชวนสนุกไปกับการเขียนโค้ด

การเริ่มต้นเขียนโค้ดไม่ใช่เรื่องยากใดๆ ขอเพียงคุณมีความตั้งใจและเริ่มต้นลงมือทำ อย่างที่เรารู้กันว่า การเขียนโปรแกรมเป็น skill ที่สามารถตอบโจทย์และเป็นประโยชน์ในหลากหลายอาชีพ หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับการพัฒนาโปรเจกต์ หรือต้องการช่วยในการเรียน Ruby และ NoSQL อย่ารอช้า มาร่วมสนุกกับเราได้ที่ EPT กันเถอะ!

มาย้อนดูและฝึกฝนกันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อก้าวไปสู่เส้นทางการเขียนโปรแกรมที่ยิ่งใหญ่ต่อไป!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง