ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบดั้งเดิมหรือ SQL (Structured Query Language) อาจไม่ตอบโจทย์เสมอไป จึงเกิดการพัฒนาของฐานข้อมูลแบบใหม่ที่เรียกว่า NoSQL ที่สามารถรองรับข้อมูลปริมาณมาก และมีความยืดหยุ่นมากกว่าเดิม ข้อได้เปรียบของ NoSQL คือการที่มันไม่ได้แคร์เรื่อง schema และสามารถกระจายข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ในบทความนี้ เราจะโฟกัสไปที่ฐานข้อมูล NoSQL ประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก คือ MongoDB
MongoDB เป็นฐานข้อมูลที่อิงกับเอกสารและไม่มีโครงสร้างตายตัว (schema-less) ใช้เซ็ตคอลเลกชั่นและเอกสารแทนตารางและแถว หากคุณคุ้นเคยกับ JSON คุณจะพบว่า MongoDB มีรูปแบบที่คล้ายคลึงกันอย่างยิ่ง นั่นคือหนึ่งเอกสารใน MongoDB มีโครงสร้างเป็น JSON
ข้อดีของ MongoDB คือการจัดเก็บข้อมูลที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ หรือแม้กระทั่งไฟล์เสียง นอกจากนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยทั่วไป การคิวรีในฐานข้อมูลแบบ SQL คุณอาจจะเคยคุ้นเคยกับการใช้คำสั่ง SELECT อย่างไรก็ตามใน MongoDB การคิวรีข้อมูลแตกต่างกันออกไป แต่ก็ไม่ได้ซับซ้อนเกินไปสำหรับมือใหม่ เราจะมาดูตัวอย่างของการใช้งานกัน
ตัวอย่างการคิวรี
ก่อนอื่นเรามาดูวิธีการเพิ่มข้อมูลลงในคอลเลกชั่นกันก่อน
db.users.insertMany([
{ name: "John Doe", age: 25, email: "john@example.com" },
{ name: "Jane Doe", age: 28, email: "jane@example.com" },
{ name: "Jake Smith", age: 30, email: "jake@example.com" }
]);
หลังจากที่เราเพิ่มข้อมูลเข้าไปแล้ว เราสามารถคิวรีข้อมูลที่ต้องการได้ ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการหาผู้ใช้งานที่อายุ 28 ปี เราใช้คำสั่งดังนี้:
db.users.find({ age: 28 });
ผลลัพธ์จะได้ดังนี้:
[
{ "_id": ObjectId("..."), "name": "Jane Doe", "age": 28, "email": "jane@example.com" }
]
เรายังสามารถคิวรีข้อมูลที่มีเงื่อนไขมากกว่าหนึ่งได้ เช่น หากเราต้องการค้นหาผู้ใช้งานที่มีอายุเกิน 25 ปี และมีชื่อขึ้นต้นด้วย 'J':
db.users.find({ age: { $gt: 25 }, name: /^J/ });
MongoDB เหมาะสำหรับการใช้งานในหลายบริบท เช่น:
1. แอปพลิเคชันที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น โซเชียลมีเดียที่ต้องจัดการกับข้อมูลจากผู้ใช้หลายล้านคน 2. ระบบการค้าขายออนไลน์ ที่ต้องการปรับโครงสร้างฐานข้อมูลอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองตลาดที่เปลี่ยนแปลง 3. แอปพลิเคชัน IoT ซึ่งมีอุปกรณ์ที่สร้างข้อมูลจำนวนมหาศาลตลอดเวลาการใช้ MongoDB ทำให้เราสามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยหรือไม่มีโครงสร้างที่ชัดเจน
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีข้อดีมากมาย MongoDB ก็มีข้อจำกัดด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในด้านการคิวรีที่ซับซ้อน หรือเมื่อจำเป็นต้องทำงานร่วมกับฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (RDBMS) ในบางครั้งจำเป็นต้องพิจารณาว่า MongoDB เหมาะสมกับแอพพลิเคชันของคุณหรือไม่
การเรียนรู้เรื่องของ NoSQL และ MongoDB จะช่วยเสริมสร้างทักษะด้านโปรแกรมมิ่งให้คุณก้าวล้ำไปอีกขั้น หากคุณสนใจในเชิงลึก สามารถมาศึกษาที่ EPT ที่ซึ่งเรามีคอร์สที่ครอบคลุมหัวข้อเหล่านี้ อาจารย์ที่มีประสบการณ์สามารถพาคุณสู่ความสำเร็จในโลกของโปรแกรมมิ่งได้
MongoDB ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือที่ดี หากแต่เป็นกุญแจไขประตูสู่การพัฒนาแอพพลิเคชันสมัยใหม่ ให้คุณปรับเปลี่ยนและจัดการข้อมูลได้อย่างเต็มศักยภาพ และในยุคที่ข้อมูลคืออำนาจ เราจึงไม่อาจเพิกเฉยต่อฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM