การเขียน Code NoSQL CRUD โดยใช้ภาษา PHP

ในยุคนี้ การจัดการกับข้อมูลมีความหลากหลายมากขึ้น และฐานข้อมูล NoSQL ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพ ด้วยความยืดหยุ่นและความสามารถในการจัดการข้อมูลที่ไม่เป็นระเบียบ (unstructured data) หรือข้อมูลที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว (scalable data) ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้การเขียน Code สำหรับการทำ CRUD (Create, Read, Update, Delete) โดยใช้ภาษา PHP กับฐานข้อมูล NoSQL กันค่ะ

NoSQL คืออะไร?

ก่อนที่จะไปสู่การเขียน Code เรามาทำความรู้จักกับ NoSQL กันก่อนดีกว่า NoSQL (Not Only SQL) เป็นฐานข้อมูลที่ไม่ใช้ SQL เป็นหลักในการจัดการข้อมูล ซึ่งแตกต่างจากฐานข้อมูลแบบสัมพัทธ์ (Relational Database) ที่มีการใช้ตารางเพื่อเก็บข้อมูล NoSQL สามารถแบ่งเป็นหลายประเภท เช่น Document Store, Key-Value Store, Column Family Store, และ Graph Database

หนึ่งในฐานข้อมูล NoSQL ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันคือ MongoDB ซึ่งเป็น Document Store ที่ช่วยให้การจัดการข้อมูลเป็นไปได้อย่างง่ายดายและมีความยืดหยุ่นสูง นอกจากนี้ MongoDB ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ช่วยให้เราสามารถทำ CRUD ได้อย่างสะดวก

ติดตั้ง MongoDB และ PHP MongoDB Driver

ก่อนอื่น เราต้องทำการติดตั้ง MongoDB และ PHP MongoDB Driver ในเครื่องของเราก่อน โดยทำตามขั้นตอนนี้:

1. ติดตั้ง MongoDB: ไปที่ [MongoDB Download Center](https://www.mongodb.com/try/download/community) และดาวน์โหลด

2. ติดตั้ง PHP MongoDB Driver: ใช้ Composer ในการติดตั้ง โดยรันคำสั่งนี้ใน Terminal:

```bash

composer require mongodb/mongodb

```

การเชื่อมต่อกับ MongoDB โดยใช้ PHP

เมื่อเราเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราสามารถเริ่มต้นเขียน Code เพื่อเชื่อมต่อกับ MongoDB ได้ โดยใช้อ็อบเจ็กต์ `MongoDB\Client` ใน PHP ตามตัวอย่างโค้ดนี้:

 require 'vendor/autoload.php'; // Include Composer's autoloader

$client = new MongoDB\Client("mongodb://localhost:27017"); // เปลี่ยน URL ตามความเหมาะสม
$database = $client->my_database; // เปลี่ยนชื่อฐานข้อมูลตามที่ต้องการ
$collection = $database->my_collection; // เปลี่ยนชื่อคอลเลคชันตามที่ต้องการ

การทำ CRUD ใน MongoDB

1. Create (การสร้างข้อมูล)

การสร้างข้อมูลใน MongoDB ใช้ฟังก์ชัน `insertOne` หรือ `insertMany` สำหรับการเพิ่มข้อมูล โดยนี่คือตัวอย่างการสร้างข้อมูลด้วย `insertOne`:

 $newDocument = [
    'title' => 'การเรียนรู้ NoSQL',
    'author' => 'นักศึกษา EPT',
    'date' => new MongoDB\BSON\UTCDateTime()
];

$result = $collection->insertOne($newDocument);
echo "เพิ่มเอกสารใหม่ ID: " . $result->getInsertedId();

2. Read (การอ่านข้อมูล)

สำหรับการอ่านข้อมูล เราสามารถใช้ฟังก์ชัน `find` หรือ `findOne` ได้ โดยตัวอย่างโค้ดอ่านข้อมูลทั้งหมดในคอลเลคชัน:

 $documents = $collection->find();

foreach ($documents as $document) {
    echo $document['title'] . " | " . $document['author'] . "<br/>";
}

หากต้องการอ่านข้อมูลเฉพาะ เราสามารถใช้ `findOne` ได้ ดังนี้:

 $document = $collection->findOne(['title' => 'การเรียนรู้ NoSQL']);
if ($document) {
    echo $document['author'];
} else {
    echo "ไม่พบข้อมูล";
}

3. Update (การปรับปรุงข้อมูล)

การปรับปรุงข้อมูลสามารถทำได้โดยใช้ฟังก์ชัน `updateOne` หรือ `updateMany` ตัวอย่างโค้ดการปรับปรุงข้อมูล:

 $updateResult = $collection->updateOne(
    ['title' => 'การเรียนรู้ NoSQL'],
    ['$set' => ['author' => 'ผู้สอน EPT']]
);

echo "ปรับปรุงเอกสาร: " . $updateResult->getModifiedCount() . " เอกสาร";

4. Delete (การลบข้อมูล)

การลบข้อมูลใน MongoDB ใช้ฟังก์ชัน `deleteOne` หรือ `deleteMany` ตามตัวอย่างโค้ดการลบข้อมูล:

 $deleteResult = $collection->deleteOne(['title' => 'การเรียนรู้ NoSQL']);
echo "ลบเอกสาร: " . $deleteResult->getDeletedCount() . " เอกสาร";

สรุป

การทำ CRUD ด้วย PHP กับฐานข้อมูล NoSQL อย่าง MongoDB นั้นไม่ยากเลยถ้าเราเข้าใจพื้นฐานและวิธีการใช้งานเบื้องต้น โดยการใช้โค้ดที่ปรากฏในบทความนี้คุณสามารถพัฒนาโปรเจคต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดการข้อมูลผู้ใช้ ระบบบันทึกข้อมูล หรืออื่น ๆ

หากท่านสนใจที่จะพัฒนาทักษะในการเขียนโปรแกรมและการจัดการข้อมูลเพิ่มเติม คุณสามารถมาศึกษาได้ที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) ซึ่งมีหลักสูตรที่ครอบคลุมทุกด้านของการพัฒนาโปรแกรมและการแข่งขั้นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์!

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเราและพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมของคุณไปด้วยกัน! 🚀

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง