การใช้งาน loop and if-else inside loop ในภาษา COBOL แบบง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง CODE 3 ตัวอย่าง และอธิบายการทำงาน และยกตัวอย่าง usecase ในโลกจริง

# การใช้งาน loop และ if-else ภายใน loop ในภาษา COBOL

ความสำคัญของโครงสร้างการควบคุมที่วนซ้ำในโปรแกรม

ในโลกของการเขียนโปรแกรม, โครงสร้างการควบคุมที่หลายคนรู้จักกันดีคือ loop (วงวน) และ if-else (การตัดสินใจ) ซึ่งมีความสำคัญยิ่งในการเขียนโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพ ในภาษา COBOL, ซึ่งเป็นภาษาที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการข้อมูลธุรกิจและระบบรายงาน, การใช้ loop และ if-else เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้โปรแกรมสามารถทำงานได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด รวมถึงการดำเนินการที่ซับซ้อนต่างๆ

การใช้งาน Loop ใน COBOL

วงวนใน COBOL ใช้สำหรับการทำซ้ำขั้นตอนบางอย่าง เช่น การอ่านข้อมูลจากไฟล์ซ้ำๆ จนกว่าข้อมูลจะหมด Loop สามารถสร้างขึ้นได้โดยใช้คำสั่ง `PERFORM` และสามารถควบคุมได้ด้วยเงื่อนไขที่ระบุงานที่จะทำซ้ำ (เช่น BY UNTIL หรือ VARYING).

การใช้งาน if-else ภายใน Loop

การใช้งาน if-else ภายใน loop ให้พวกเราความยืดหยุ่นในการตัดสินใจภายใน loop ตัวอย่างเช่น คุณอาจต้องการที่จะกระทำการต่างๆ ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ถูกดำเนินการภายในวงวน การใช้ if-else ในสถานการณ์นี้สามารถช่วยให้โปรแกรมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

ตัวอย่างโค้ด

ตัวอย่างที่ 1: การอ่านไฟล์ข้อมูลพนักงานและตรวจสอบเงื่อนไข

IDENTIFICATION DIVISION.
PROGRAM-ID. EMPLOYEE-LOOP-CHECK.

DATA DIVISION.
FILE SECTION.
FD EMPLOYEE-FILE.
01 EMPLOYEE-RECORD.
   05 EMPLOYEE-ID PIC 9(4).
   05 EMPLOYEE-AGE PIC 9(2).

WORKING-STORAGE SECTION.
01 EOF-FLAG PIC X VALUE 'N'.

PROCEDURE DIVISION.
START-READ.
    OPEN INPUT EMPLOYEE-FILE.
    PERFORM UNTIL EOF-FLAG = 'Y'
        READ EMPLOYEE-FILE
        AT END
            MOVE 'Y' TO EOF-FLAG
        NOT AT END
            PERFORM CHECK-EMPLOYEE-AGE
        END-READ
    END-PERFORM.
    CLOSE EMPLOYEE-FILE.
    STOP RUN.

CHECK-EMPLOYEE-AGE.
    IF EMPLOYEE-AGE > 60
        DISPLAY "EMPLOYEE " EMPLOYEE-ID " IS ELIGIBLE FOR RETIREMENT"
    ELSE
        DISPLAY "EMPLOYEE " EMPLOYEE-ID " IS NOT ELIGIBLE FOR RETIREMENT"
    END-IF.

ในตัวอย่างนี้, โปรแกรม COBOL อ่านแต่ละบันทึกข้อมูลของพนักงานจากไฟล์และสำหรับแต่ละบันทึก, มันตรวจสอบว่าพนักงานมีอายุเกินกว่า 60 ปีหรือไม่และแสดงข้อความที่สอดคล้องกัน.

ตัวอย่างที่ 2: การเพิ่มลำดับนับของพนักงานในแต่ละแผนก

IDENTIFICATION DIVISION.
PROGRAM-ID. DEPT-EMPLOYEE-COUNTER.

DATA DIVISION.
FILE SECTION.
FD EMPLOYEE-FILE.
01 EMPLOYEE-RECORD.
   05 DEPARTMENT-ID PIC 9(2).
   05 EMPLOYEE-NAME PIC X(20).

WORKING-STORAGE SECTION.
01 EMP-COUNTERS OCCURS 10 TIMES INDEXED BY I.
   05 EMP-COUNT PIC 9(4) VALUE 0.

PROCEDURE DIVISION.
START-READ.
    OPEN INPUT EMPLOYEE-FILE.
    PERFORM UNTIL EOF
        READ EMPLOYEE-FILE
        AT END
            MOVE 'Y' TO EOF
        NOT AT END
            PERFORM INCREMENT-COUNTER
        END-READ
    END-PERFORM.
    CLOSE EMPLOYEE-FILE.
    DISPLAY "EMPLOYEE COUNT BY DEPARTMENT".
    PERFORM WITH TEST AFTER VARYING I FROM 1 BY 1 UNTIL I > 10
        DISPLAY "DEPT " I " EMPLOYEE COUNT: " EMP-COUNTERS (I)
    END-PERFORM.
    STOP RUN.

INCREMENT-COUNTER.
    SET I TO DEPARTMENT-ID.
    ADD 1 TO EMP-COUNTERS (I).

ในตัวอย่างนี้, โปรแกรม COBOL นับจำนวนพนักงานในแต่ละแผนก โดยใช้ loop `PERFORM` ที่วนซ้ำผ่านทุกบันทึกในไฟล์พนักงานและเพิ่มจำนวนนับในอาเรย์ `EMP-COUNTERS`.

ตัวอย่างที่ 3: ตรวจสอบจำนวนชั่วโมงทำงานของพนักงานและคิดค่าล่วงเวลา

IDENTIFICATION DIVISION.
PROGRAM-ID. EMPLOYEE-OVERTIME-CALC.

DATA DIVISION.
FILE SECTION.
FD TIME-SHEET.
01 TIME-RECORD.
   05 EMPLOYEE-ID PIC 9(4).
   05 HOURS-WORKED PIC 9(3).

WORKING-STORAGE SECTION.
01 STANDARD-HOURS PIC 9(2) VALUE 40.
01 OVERTIME-RATE DECIMAL-5-2 VALUE 1.5.
01 OVERTIME-HOURS PIC 9(2).
01 OVERTIME-PAY DECIMAL-7-2.

PROCEDURE DIVISION.
START-READ.
    OPEN INPUT TIME-SHEET.
    PERFORM UNTIL EOF
        READ TIME-SHEET
        AT END
            MOVE 'Y' TO EOF
        NOT AT END
            PERFORM CALC-OVERTIME
        END-READ
    END-PERFORM.
    CLOSE TIME-SHEET.
    STOP RUN.

CALC-OVERTIME.
    IF HOURS-WORKED > STANDARD-HOURS
        COMPUTE OVERTIME-HOURS = HOURS-WORKED - STANDARD-HOURS
        COMPUTE OVERTIME-PAY = OVERTIME-HOURS * OVERTIME-RATE
        DISPLAY "EMPLOYEE " EMPLOYEE-ID " OVERTIME PAY: " OVERTIME-PAY
    END-IF.

ในตัวอย่างนี้, โปรแกรม COBOL วนซ้ำผ่านบันทึกชั่วโมงการทำงานของพนักงานและเมื่อพบว่า

พนักงานทำงานเกินจากชั่วโมงมาตรฐานที่กำหนดไว้ (40 ชั่วโมง), มันจะคำนวณค่าล่วงเวลาและแสดงผล.

Usecase ในโลกจริง

การใช้ loops และ if-else statements ใน COBOL สามารถประยุกต์ใช้กับหลายสถานการณ์ในโลกธุรกิจจริง ตัวอย่างเช่น:

- การสร้างรายงานสรุปยอดขายตามแผนกต่างๆ ภายในองค์กร

- การจัดการฐานข้อมูลพนักงานและการคำนวณสิทธิประโยชน์

- การประมวลผลข้อมูลธนาคารเช่น การตรวจสอบยอดเงินขั้นต่ำและการคิดค่าธรรมเนียม

การเรียนรู้และทำความเข้าใจ loop และ if-else ใน COBOL ไม่เพียงช่วยให้คุณสามารถเข้าร่วมในโครงการธุรกิจระดับใหญ่ที่ยังคงใช้ COBOL เป็นหัวใจหลักของพวกเขา แต่ยังเปิดโอกาสให้คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้พื้นฐานที่มั่นคง ที่ EPT (Expert-Programming-Tutor), เรามีหลักสูตรที่จะช่วยให้คุณเรียนรู้ COBOL และแนวคิดการเขียนโปรแกรมอื่นๆ อย่างลึกซึ้ง โดยมีผู้เชี่ยวชาญที่ยินดีแนะนำและสนับสนุนความสำเร็จของคุณในการเป็นนักพัฒนาโปรแกรมที่หาที่สุดไม่ได้!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง