บทนำ
โลกของการเขียนโปรแกรมมีแนวคิดที่ช่วยทำให้การเขียนโค้ดมีประสิทธิภาพมากขึ้น หนึ่งในแนวคิดที่สำคัญใน OOP (Object-Oriented Programming) คือ *Polymorphism* หรือ "การใช้หลายรูปแบบ" ที่อนุญาตให้เราใช้ชื่อฟังก์ชันเดียวกันในการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่งช่วยทำให้โค้ดมีความยืดหยุ่น สะดวก และจัดการได้ง่าย แต่ในภาษา COBOL นั้น Polymorphism อาจฟังดูแปลกใหม่ เพราะ COBOL เป็นภาษาที่มีประวัติยาวนานในวงการธุรกิจ
ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้ว่าการใช้งาน Polymorphism ใน COBOL ทำงานอย่างไร พร้อมกับตัวอย่างโค้ด เราจะชี้ให้เห็นถึงการใช้งาน Polymorphism ในสถานการณ์จริง เพื่อให้คุณได้เห็นถึงความสำคัญและความน่าสนใจของแนวคิดนี้
Polymorphism เป็นแนวคิดใน OOP ที่หมายถึงความสามารถของวัตถุในการรับรู้รูปแบบต่าง ๆ โดยฟังก์ชันหรือเมธอดสามารถทำงานได้กับอ็อบเจ็กต์หลายประเภท โดยไม่ต้องกำหนดประเภทชัดเจน ซึ่งทำให้การเขียนโค้ดทำได้ง่ายขึ้น และเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับโปรแกรม
ใน COBOL และ OOP การสร้าง Class และ Method ทำได้ไม่ซับซ้อนมากนัก โดยเราจะสร้าง Class ออกมาและระบุ Method ต่าง ๆ ที่ต้องการใน Class นั้น ในกิจกรรมในการสร้าง Class นั้น เราจะมีคำสั่งต่าง ๆ ที่ช่วยให้สามารถสร้าง Polymorphic Behavior ได้
ตัวอย่างโค้ด COBOL สำหรับ Polymorphism
ในตัวอย่างนี้ เราจะสร้างคลาส `Animal` ที่มี Method ชื่อ `speak` และสร้างคลาสอื่นๆ ที่สืบทอด `Animal` ได้แก่ `Dog` และ `Cat`
อธิบายการทำงานของโค้ด
ในโค้ดด้านบน เราได้สร้างคลาส `Animal` ที่มีการกำหนดเมธอด `speak` ซึ่งจะแสดงข้อความ 'Animal makes a sound' จากนั้นเราได้สร้างคลาส `Dog` และ `Cat` ซึ่งเป็นคลาสที่สืบทอดจาก `Animal` และมีการแก้ไขเมธอด `speak` เพื่อแสดงเสียงที่ต่างกัน
โค้ดที่อยู่ใน PROCEDURE DIVISION แสดงให้เห็นถึงการสร้างอ็อบเจกต์แต่ละประเภท และจะเรียกใช้งาน Method `speak` ของอ็อบเจ็กต์ตามรหัสที่กำหนด ทำให้เราสามารถอ้างถึงคลาสแต่ละประเภทได้โดยไม่ต้องตัดสินใจเกี่ยวกับประเภทของอ็อบเจ็กต์นั้นๆ ในระหว่างการทำงาน
การใช้ Polymorphism มีการประยุกต์ใช้ในหลายสถานการณ์ในโลกจริง เช่น:
1. ระบบการจัดการสัตว์เลี้ยง: ในระบบที่มีสัตว์ต่าง ๆ ที่สามารถทำเสียงได้ เราสามารถสร้างคลาส `Animal` และสร้างคลาสต่าง ๆ เช่น `Dog`, `Cat`, `Bird` ซึ่งสามารถมีการแสดงเสียงที่แตกต่างกัน โดยที่เราไม่ต้องกำหนดประเภทในแต่ละฟังก์ชัน 2. การรักษารหัสผ่าน: ในระบบที่มีผู้ใช้หลายประเภท (Admin, User, Guest) เราสามารถสร้างคลาส `User` และให้แต่ละประเภทมีการแปลงรหัสผ่านที่แตกต่างกัน โดยที่การใช้งานหลักยังคงไม่เปลี่ยนไป 3. การประมวลผลข้อมูล: ในการประมวลผลข้อมูลชนิดต่าง ๆ (เช่น JSON, XML), เราสามารถสร้างคลาสในการแปลงข้อมูล ซึ่งสามารถระบุว่าชนิดข้อมูลใดควรใช้ในการแปลงได้การใช้ Polymorphism ทำให้เราสามารถเขียนโค้ดที่มีความยืดหยุ่นและใช้งานได้ง่าย ถึงแม้ว่าเราจะใช้ภาษา COBOL ซึ่งมักไม่ถูกมองว่าเป็นภาษาสมัยใหม่ในด้าน OOP ก็ตาม
ถ้าคุณต้องการที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมและการประยุกต์ใช้แนวคิด OOP เช่น Polymorphism ในรูปแบบที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เราขอแนะนำให้คุณเข้ามาศึกษาที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) โดยมีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยเสริมสร้างความรู้และทักษะการเขียนโปรแกรมของคุณให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมในปัจจุบัน
สรุป
Polymorphism ถือเป็นหนึ่งในแนวคิดที่สำคัญใน OOP ที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในภาษา COBOL ได้ โดยช่วยให้โค้ดดูสะอาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ความสามารถในการเรียกใช้งานเมธอดเดียวกันกับประเภทต่าง ๆ ของอ็อบเจ็กต์ ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การเขียนโปรแกรมมีประสิทธิภาพชัดเจน และยิ่งไปกว่านั้น การศึกษาแนวคิดเหล่านี้ในสถาบันอย่าง EPT จะเป็นประโยชน์สุด ๆ ในการพัฒนาทักษะของคุณในการเขียนโปรแกรมแบบมืออาชีพ!
หากคุณสนใจ เราขอเชิญชวนให้คุณเข้ามาศึกษาและพัฒนาทักษะด้านการเขียนโปรแกรมในโลกของ OOP อย่างสนุกสนานที่ EPT!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM