Dynamic Programming (DP) นั้นเป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาที่มีโครงสร้างที่สามารถแบ่งปันการคำนวณซ้ำได้ โดยการเก็บค่าผลลัพธ์ที่เราคำนวณได้ไปใช้ซ้ำ ทำให้หน่วยความจำที่ใช้มีแนวโน้มลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับวิธี brute force ที่อาจต้องคำนวณซ้ำอยู่หลายครั้ง
การใช้ Dynamic Programming เหมาะสำหรับปัญหาที่สามารถแบ่งออกเป็นปัญหาย่อย ซึ่งสามารถใช้ผลลัพธ์ของปัญหาย่อยเหล่านั้นในการคำนวณหาผลลัพธ์ของปัญหาหลัก สำหรับตัวอย่างการใช้ Dynamic Programming ที่เห็นบ่อยที่สุดคือ Fibonacci Sequence, การหาค่าที่มากที่สุดใน Subset, หรือแม้กระทั่งการจัดการกระเป๋า (Knapsack Problem)
รู้จัก Dynamic Programming
Dynamic Programming สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ คือ:
1. Top-Down Approach (Memoization): เริ่มจากปัญหาหลักและแบ่งเป็นปัญหาย่อย โดยการบันทึกผลลัพธ์ของปัญหาย่อยเพื่อไม่ให้คำนวณซ้ำ 2. Bottom-Up Approach (Tabulation): สร้างตารางเพื่อบันทึกผลลัพธ์ของปัญหาย่อยจากฐานข้อมูลที่เล็กที่สุดไปจนถึงปัญหาใหญ่สุด
ในบทความนี้เราจะใช้ COBOL ในการแสดงตัวอย่างการคำนวณ Fibonacci Sequence โดยการใช้ Dynamic Programming แบบ Bottom-Up Approaches.
ในโค้ดด้านบน เราใช้การวนลูปเพื่อคำนวณ Fibonacci series และเก็บผลลัพธ์ไว้ในตาราง Fibonacci โดยเรากำหนดจำนวนที่ต้องการคำนวณไปที่ตัวแปร `Num` แล้วกระจายลูปเพื่อหาค่ารวมของอัตรา Fibonacci
Dynamic Programming มีการนำไปใช้ในหลายสาขา ได้แก่:
1. การออกแบบระบบการจัดส่ง (Logistics): การหาวิธีที่ประหยัดที่สุดในการส่งของหลายรายการ โดยใช้การทำให้ปัญหาลดลงเป็นเส้นทางการขนส่งย่อยและเลือกเส้นทางที่มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด 2. การพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับวิเคราะห์ข้อมูล: ปัญหาการจำแนกข้อมูลที่มีหลายมิติ เช่น การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าอาจใช้ Dynamic Programming ในการหาค่าที่เหมาะสมที่สุดในยุคของ Big Data
ในแง่ของความซับซ้อนของเวลา (Time Complexity) วิธีการ Dynamic Programming มักมีการจัดการที่ดีกว่า brute-force โดยเฉพาะในกรณีที่เรามีการคำนวณซ้ำ บ่อยครั้งเราสามารถมีค่า Time Complexity ลดลงเป็น \(O(n^2)\) หรือแม้แต่ \(O(n)\) ขึ้นอยู่กับปัญหา
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของพื้นที่การจัดเก็บ (Space Complexity) Dynamic Programming อาจต้องใช้พื้นที่หน่วยความจำในการเก็บผลลัพธ์ของปัญหาย่อย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของโปรแกรมในบางกรณี
ข้อดี:
- สามารถคำนวณปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ลดจำนวนการคำนวณซ้ำซ้อน จึงมีประสิทธิภาพมากกว่าวิธี brute-force
- ช่วยให้โค้ดดูเรียบร้อยและเข้าใจได้ง่ายเมื่อมีการใช้งานอย่างเหมาะสม
ข้อเสีย:
- อาจจะต้องใช้หน่วยความจำมากกว่าวิธีการอื่นๆ
- ต้องเข้าใจพื้นฐานของอัลกอริธึมอย่างถ่องแท้ ก่อนการเขียนโค้ด
Dynamic Programming ทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมอบเครื่องมือสำคัญให้กับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในการเผชิญกับความท้าทายในโลกดิจิทัลในทุกวันนี้ ดังนั้นหากคุณสนใจที่จะเรียนรู้วิธีการเขียนโปรแกรมหรืออยากเข้าใจ Dynamic Programming ให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น EPT (Expert-Programming-Tutor) คือทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคุณ
อย่ารอช้า! มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโลกของโปรแกรมมิ่งที่ EPT กับการอบรมที่ไม่เหมือนใครที่จะเปิดโลกทัศน์ใหม่ในสายอาชีพของคุณ!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com