การใช้งาน OOP (Object-Oriented Programming) ในภาษา COBOL แบบง่ายๆ

การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object-Oriented Programming หรือ OOP) เป็นแนวทางที่ช่วยให้การเขียนโปรแกรมนั้นมีความสามารถในการจัดการและบำรุงรักษาได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในโลกที่ซับซ้อน และภาษาที่ใช้ OOP มักจะเป็นที่รู้จักเช่น JAVA, C++, และ Python อย่างไรก็ตาม ภาษา COBOL ซึ่งเป็นภาษาที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน ก็ได้มีการนำ OOP เข้ามาใช้เช่นกัน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการพัฒนาโปรแกรมที่ซับซ้อน

OOP ใน COBOL คืออะไร?

OOP ใน COBOL หมายถึงการสนับสนุนการสร้างวัตถุและคลาส ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของ OOP ทำให้การเขียนโปรแกรมด้วย COBOL สามารถใช้แนวคิดการออกแบบที่สะดวกสบายและเป็นระเบียบ รู้จักกับ Concept ของ Class และ Object ใน COBOL กันเลยดีกว่า

Class และ Object

ตัวอย่าง Code

ในการที่จะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น มาดูตัวอย่างการสร้างคลาสและการใช้งาน Object ใน COBOL กันดีกว่า

1. การสร้าง Class

        IDENTIFICATION DIVISION.
       PROGRAM-ID. StudentClass.

       ENVIRONMENT DIVISION.
       DATA DIVISION.

       WORKING-STORAGE SECTION.
       01  StudentRecord.
           05  Name       PIC A(30).
           05  Age        PIC 99.

       PROCEDURE DIVISION.
       METHOD-ID. Initialize.
           PROCEDURE DIVISION.
           00-SetStudentName
               MOVE "John Doe" TO Name
               MOVE 20 TO Age
               DISPLAY "Student Created: " NAME " Age: " AGE
           END METHOD Initialize.
       END METHOD Initialize.
       END PROGRAM StudentClass.

2. การใช้งาน Object

        IDENTIFICATION DIVISION.
       PROGRAM-ID. MainProgram.

       ENVIRONMENT DIVISION.
       DATA DIVISION.

       WORKING-STORAGE SECTION.
       01  MyStudent  OBJECT REFERENCE StudentClass.

       PROCEDURE DIVISION.
       MAIN-LOGIC.
           CREATE StudentClass
               GIVING MyStudent

           CALL MyStudent::Initialize

           DISPLAY "New Student has been initialized."

           DESTROY MyStudent
           STOP RUN.

การอธิบายการทำงานของ Code

- ในคำสั่ง `CREATE StudentClass` เราจะสร้าง Object ใหม่ของ StudentClass

- จากนั้นเราจะเรียก `Initialize` method เพื่อกำหนดค่าเบื้องต้นให้กับ Object นั้น โดยในที่นี้เราได้ตั้งชื่อและอายุให้กับนักเรียน

- `DISPLAY` เป็นการแสดงค่าที่เราตั้งไว้ ผ่านตัวแปรในวัตถุ

- เมื่อเสร็จสิ้น เราสามารถ `DESTROY` Object เพื่อเคลียร์หน่วยความจำ

Use Case ในโลกจริง

การใช้งาน OOP ใน COBOL มีประโยชน์ในหลายระดับ โดยเฉพาะในระบบการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อน เช่น:

1. การจัดการฐานข้อมูลลูกค้า

หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่ต้องการเก็บข้อมูลลูกค้า ในที่นี้ คุณสามารถสร้าง Class ที่เป็นตัวแทนของลูกค้าได้ โดยมีคลาสที่เก็บข้อมูลเช่น ชื่อ, ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์ และเมธอดที่ทำงานเกี่ยวกับลูกค้าได้ เช่น การลดราคาหรือการส่งข้อเสนอพิเศษ

        CLASS-ID. Customer.
       DATA DIVISION.
       WORKING-STORAGE SECTION.
       01  CustomerRecord.
           05  CustomerName     PIC A(50).
           05  PhoneNumber      PIC A(15).
       METHOD-ID. AddCustomer.
           ...
       END METHOD AddCustomer.
       ...

2. ระบบบริหารจัดการพนักงาน

ในองค์กรที่ต้องการดูแลพนักงาน, OOP ใน COBOL ช่วยให้สามารถสร้างคลาสที่เป็นตัวแทนของพนักงานได้ สามารถทำงานต่างๆ เช่น เพิ่มเงินเดือน, คำนวณค่าคอมมิชชั่น และภาระงานอื่น ๆ ผ่านเมธอดต่างๆ ที่อยู่ในคลาสพนักงาน

        CLASS-ID. Employee.
       DATA DIVISION.
       WORKING-STORAGE SECTION.
       01  EmployeeRecord.
           05  EmployeeName  PIC A(50).
           05  EmployeeID    PIC 9(5).
       METHOD-ID. CalculateSalary.
           ...
       END METHOD CalculateSalary.
       ...

สรุป

การนำเอา OOP มาใช้ใน COBOL ทำให้การพัฒนาโปรแกรมสามารถเป็นไปได้อย่างมีระเบียบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการสร้างและจัดการกับข้อมูลต่าง ๆ ผ่านคลาสและวัตถุ หากคุณสนใจในการพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรม ไม่ว่าจะเป็นใน COBOL หรือภาษาอื่นๆ เราขอเชิญชวนคุณเข้าร่วมการศึกษาโปรแกรมที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) ซึ่งจะมีเนื้อหาครอบคลุมและสามารถพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมของคุณได้อย่างมั่นใจ

การเขียนโปรแกรมเป็นทักษะที่สำคัญในยุคดิจิทัลนี้ และการเลือกเรียนรู้จาก EPT จะทำให้คุณเติบโตเป็นผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาโปรแกรมได้ในอนาคต!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง