ในโลกของการวิเคราะห์ข้อมูลและวิศวกรรมข้อมูล (Data Engineering), SQL (Structured Query Language) นับเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ขาดไม่ได้เพื่อจะจัดการกับฐานข้อมูลที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อน SQL มีหลายคำสั่งที่ช่วยให้วิศวกรสามารถสืบค้น, เพิ่ม, แก้ไข, และลบข้อมูลได้ตามความต้องการ บทความนี้จะเน้นไปที่ 5 คำสั่ง SQL ที่ Data Engineer มักใช้งานบ่อยเพื่อรับมือกับความท้าทายในการจัดการข้อมูลทุกวัน
คำสั่ง `SELECT` นั้นเป็นพื้นฐานสำหรับการเลือกข้อมูลจากตาราง โดยเราสามารถระบุเงื่อนไขด้วยคำสั่ง `WHERE` เพื่อเลือกเฉพาะข้อมูลที่ตรงกับเงื่อนไขประเภทต่างๆ
ตัวอย่างคำสั่ง:
SELECT name, age
FROM users
WHERE age > 30;
หมายเหตุ:
สามารถใช้เงื่อนไข AND และ OR เพื่อระบุเงื่อนไขย่อยที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
คำสั่ง `JOIN` ใช้สำหรับการประสาน (combine) ข้อมูลจากตารางย่อยสองตารางขึ้นไป คำสั่งนี้ช่วยให้สามารถดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันจากตารางอื่นๆ เพื่อทำการวิเคราะห์ที่มีความสัมพันธ์กันในระดับข้อมูลที่ลึกมากขึ้น
ตัวอย่างคำสั่ง:
SELECT u.name, o.order_date
FROM users u
JOIN orders o ON u.user_id = o.user_id;
หมายเหตุ:
มีหลายประเภทของ JOIN เช่น INNER JOIN, LEFT JOIN, RIGHT JOIN, และ FULL JOIN ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะการรวมข้อมูลที่แตกต่างกัน
`GROUP BY` ถูกใช้ในการจัดกลุ่มข้อมูลตามคอลัมน์ที่ระบุ ซึ่งเมื่อรวมกับฟังก์ชันการรวมข้อมูลเช่น COUNT, SUM เป็นต้น จะช่วยให้ตรวจสอบข้อมูลได้ในภาพรวมที่ใหญ่ขึ้น ในขณะที่ `HAVING` ใช้กำหนดเงื่อนไขให้กับกลุ่มข้อมูลนั้นๆหลังจากที่การจัดกลุ่มเสร็จสิ้น
ตัวอย่างคำสั่ง:
SELECT department, COUNT(*) as 'Number of employees'
FROM employees
GROUP BY department
HAVING COUNT(*) > 10;
หมายเหตุ:
คำสั่ง `HAVING` มักใช้เมื่อต้องการกำหนดเงื่อนไขเฉพาะที่ไม่สามารถทำได้ในระหว่าง `WHERE`_PHASE
SUBQUERIES หรือ คำสั่งซ้อน เป็นคำสั่งที่สามารถรันภายในคำสั่ง SQL อื่นเพื่อรับข้อมูลที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้ CTE หรือ Common Table Expressions ก็ให้วิธีที่ประหยัดและเป็นระเบียบในการจัดการคำสั่งซับซ้อนที่หลายๆคำสั่งประกอบกัน
ตัวอย่างคำสั่ง SUBQUERY:
SELECT name
FROM users
WHERE user_id IN (SELECT user_id FROM orders WHERE order_total > 1000);
ตัวอย่าง CTE:
WITH RegionalSales AS (
SELECT region, SUM(amount) as total_sales
FROM orders
GROUP BY region
)
SELECT region
FROM RegionalSales
WHERE total_sales > 1000000;
คำสั่ง `INSERT`, `UPDATE`, และ `DELETE` นั้นเป็นหัวใจของการจัดการข้อมูลในฐานข้อมูล การใช้คำสั่งเหล่านี้อย่างถูกต้องและมีความรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญที่วิศวกรข้อมูลต้องทำ
ตัวอย่างคำสั่ง INSERT:
INSERT INTO customers (name, email, age)
VALUES ('John Doe', '[email protected]', 35);
ตัวอย่างคำสั่ง UPDATE:
UPDATE customers
SET age = age + 1
WHERE birthday = TODAY();
ตัวอย่างคำสั่ง DELETE:
DELETE FROM customers
WHERE subscription_expired = TRUE;
การเข้าใจและการใช้คำสั่ง SQL เหล่านี้ด้วยความชำนาญเป็นทักษะหลักที่ Data Engineer ทุกคนควรมี มันไม่เพียงแต่ช่วยในการจัดการข้อมูลเท่านั้น แต่ยังช่วยในการตัดสินใจและสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจจากข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ การเรียนรู้และการปรับปรุงทักษะ SQL นี้จะช่วยให้คุณเติบโตไปในอาชีพของคุณ ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจในการเรียนรู้ด้านการเขียนโปรแกรมและ SQL สามารถสำรวจคอร์สเรียนรู้ได้จากหลากหลายสถาบัน และหากมองหาโอกาสที่จะยกระดับทักษะให้กับตนเอง เราแนะนำให้คุณพิจารณาโรงเรียนที่มีประสบการณ์เฉพาะด้านเช่น EPT ที่ก่อตั้งด้วยจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาเหล่านักโปรแกรมเมอร์ให้กลายเป็นมืออาชีพและพร้อมสำหรับตลาดงานในวันนี้และอนาคต.
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: sql_queries data_engineer structured_query_language select join group_by having subqueries cte insert update delete data_analysis data_engineering
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com