โลกของการเขียนโปรแกรมเต็มไปด้วยความหลากหลายของภาษาโปรแกรมมิ่ง แต่ละภาษาก็มีลักษณะเฉพาะของมันเอง หนึ่งในความแตกต่างหลักที่ผู้เรียนการเขียนโปรแกรมควรทราบก็คือ ระบบประเภทของตัวแปรที่แบ่งออกเป็น Static typing และ Dynamic typing ในบทความนี้ เราจะมาแจกแจงเรื่องนี้อย่างละเอียดกันครับ
การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาที่ใช้ static typing เช่น Java หรือ C++ หมายความว่าโปรแกรมเมอร์จำเป็นต้องประกาศประเภทของตัวแปรก่อนที่จะใช้งาน ซึ่งข้อดีของมันก็คือ คอมไพเลอร์สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่เก็บในตัวแปรได้ตั้งแต่ขั้นตอนการคอมไพล์ เช่น:
int number = 5; //ตัวแปร number ถูกประกาศเป็นประเภท int
ข้อดีคือโปรแกรมมีโอกาสน้อยที่จะเกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประเภทของตัวแปรระหว่างการรันโปรแกรม (runtime) เพราะความไม่สอดคล้องกันของประเภทข้อมูลถูกจับจ้องตั้งแต่ช่วงคอมไพล์เป็นต้นไป
ในทางตรงกันข้าม, ภาษาที่ใช้ dynamic typing เช่น Python หรือ JavaScript ไม่จำเป็นต้องมีการกำหนดประเภทข้อมูลตั้งแต่เริ่มต้น ตัวแปรสามารถเปลี่ยนแปลงประเภทของข้อมูลที่เก็บได้โดยอิสระในระหว่างการรันโปรแกรม เช่น:
number = 5 #ตอนเริ่มต้น number เป็นประเภท int
number = "five" #ต่อมา number กลายเป็น string
ความยืดหยุ่นนี้ช่วยให้การเขียนโค้ดมีความสะดวกและเร็วขึ้น เนื่องจากไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับประเภทข้อมูลตั้งแต่แรก แต่ก็มีข้อเสียคือ โปรแกรมอาจเกิดข้อผิดพลาดที่เกี่ยวกับประเภทข้อมูลในช่วงที่โปรแกรมถูกรันได้
Static typing มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากมันช่วยลดข้อผิดพลาดเกี่ยวกับตัวแปร (Type errors) ที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการพัฒนา นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ภาษาที่ใช้ static typing มักจะได้รับความนิยมในการพัฒนาแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ที่ต้องการความเสถียรและความปลอดภัยสูง
Dynamic typing ให้ความคล่องตัวในการพัฒนาโปรแกรม ซึ่งโดยเฉพาะเมื่อทำงานกับโปรเจกต์ที่ต้องการการปรับเปลี่ยนแ้นดก้นแบบรวดเร็ว มันเหมาะสำหรับงานต้นแบบ (prototype) หรือโปรเจกต์ที่มีขนาดเล็กถึงกลาง
เลือกใช้ Static เมื่อคุณต้องการความชัดเจนในโค้ดและป้องกันข้อผิดพลาดได้มากที่สุด ในขณะที่ Dynamic typing เหมาะกับการสร้างแอปพลิเคชันที่ต้องการความยืดหยุ่นและพัฒนาได้เร็ว สุดท้ายนี้คือการตัดสินใจที่ขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์โดยรวมของโปรเจกต์
การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง static และ dynamic typing นั้นเป็นส่วนสำคัญในการศึกษาการเขียนโปรแกรม หากคุณอยากจะศึกษาเรื่องนี้ลึกซึ้งและพัฒนาทักษะในการเขียนโค้ดของคุณให้ดียิ่งขึ้น การศึกษาในสภาพแวดล้อมที่โอบล้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญและแนวทางปฏิบัติที่ดีอาจช่วยคุณได้ แน่นอนว่าในโรงเรียนสอนการเขียนโปรแกรมเช่น EPT เรามุ่งเน้นให้นักศึกษาได้เรียนรู้และสัมผัสกับภาษาโปรแกรมมิ่งต่างๆ ด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้ รวมถึงทักษะการแก้ปัญหาที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในสนามงานของโลกการเขียนโปรแกรมครับ!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM