# การใช้งาน Accessibility ใน OOP Concept บนภาษา R อย่างมืออาชีพ
การเขียนโปรแกรมแบบ Object-Oriented Programming (OOP) เป็นทฤษฎีที่มีความสำคัญและถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายภาษาโปรแกรมมิ่ง หนึ่งในแนวคิดหลักๆ ของ OOP คือการจัดการการเข้าถึงข้อมูล (Accessibility) โดยมี 3 ระดับหลัก: public, private และ protected ซึ่งควบคุมว่าข้อมูลหรือฟังก์ชันนั้นๆ จะสามารถเข้าถึงได้จากที่ไหนบ้าง
ในภาษา R แม้ว่าจะไม่ได้มีการกำหนด Access Modifiers แบบเดียวกับในภาษาอื่นๆ เช่น Java หรือ C++ แต่เราก็สามารถใช้ Concept ของ OOP ในการกำหนดระดับการเข้าถึง ด้วยการใช้ environment และเทคนิคการเขียนฟังก์ชั่นพิเศษ เพื่อจำลองการทำงานของ access modifiers ได้
ลองมาดูตัวอย่างการจำลองการใช้งานระดับการเข้าถึงข้อมูลใน R ผ่านการสร้าง Object ที่จำลองการทำงานของ Class ต่อไปนี้:
ตัวอย่างที่ 1: Public Access
Person <- setRefClass("Person",
fields = list(name = "character", age = "numeric"),
methods = list(
introduce = function() {
cat(paste("Hello, my name is", name, "and I am", age, "years old.\n"))
}
))
# Create a new person object and access the fields directly
john <- Person$new(name = "John", age = 30)
john$introduce()
ตัวอย่างที่ 2: Private Access
PersonPrivate <- setRefClass("PersonPrivate",
fields = list(name = "character", age = "numeric"),
methods = list(
initialize = function(name, age) {
.self$name <- name
.self$age <- age
},
getName = function() {.self$name},
getAge = function() {.self$age},
introduce = function() {
cat(paste("Hello, my name is", .self$getName(), "and I am", .self$getAge(), "years old.\n"))
}
))
# Create a new person object and use the public methods to interact
johnPrivate <- PersonPrivate$new("John", 30)
johnPrivate$introduce()
ตัวอย่างที่ 3: Protected Access
การจำลอง protected access ใน R อาจทำได้ยากกว่าภาษาอื่น ๆ แต่เราสามารถจำลองโดยการกำหนดฟังก์ชั่นที่เรียกใช้ภายในคลาสของตัวมันเองหรือคลาสที่สืบทอดมา
# จำลอง protected ไม่ได้ตรงๆ ใน R แต่สามารถใช้ conventions เช่น '.' ก่อนชื่อฟังก์ชั่นหรือตัวแปร
PersonProtected <- setRefClass("PersonProtected",
fields = list(name = "character", .age = "numeric"),
methods = list(
initialize = function(name, age) {
.self$name <- name
.self$.age <- age
},
introduce = function() {
cat(paste("Hello, my name is", .self$name, ".\n"))
},
.revealAge = function() {
cat(paste("I am", .self$.age, "years old.\n"))
}
))
# Create a new person object
johnProtected <- PersonProtected$new(name = "John", age = 30)
johnProtected$introduce()
# johnProtected$.revealAge() # This should not be called outside the class definition
สมมติเรากำลังพัฒนาโปรแกรมบริหารจัดการข้อมูลสำหรับโรงเรียน เราอาจสร้าง object `Student` ที่มีข้อมูลประจำตัวเป็น private เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญ ณ นี้คือชื่อและอายุ ถูกเข้าถึงโดยตรงจากภายนอกโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ ทางโรงเรียนเองสามารถใช้ methods ที่เราตั้งไว้เพื่อค้นหาหรือแสดงข้อมูลของนักเรียนได้
การเรียนรู้ OOP และการใช้งาน accessibility ถือเป็นก้าวสำคัญในการฝึกหัดเป็นโปรแกรมเมอร์มืออาชีพ ที่ Expert-Programming-Tutor (EPT) เรามีหลักสูตรที่ครอบคลุมและลึกซึ้ง ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากศูนย์หรือมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว เราพร้อมนำพาคุณเข้าสู่โลกแห่งการเขียนโปรแกรมแบบมืออาชีพ และสัมผัสกับการใช้ภาษา R ในแบบที่คุณอาจไม่เคยพบเจอที่อื่น! เข้าร่วมเรียนรู้กับเราแล้วคุณจะได้พัฒนาทักษะการเขียนโค้ดไปอีกระดับกับ EPT วันนี้!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: oop accessibility r_language programming object-oriented_programming access_modifiers environment functions classes data_access r_programming_examples usecase student_management ept code_examples
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM