ในวงการวิทยาการข้อมูล (Data Science) มีเครื่องมือหลายตัวที่ช่วยในการสร้างโมเดลการทำนาย (Predictive Model) หนึ่งในนั้นคือ K-NN Algorithm (K-Nearest Neighbors) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ในการจัดประเภท (Classification) หรือการคาดการณ์ (Regression) ข้อมูล อย่างง่ายๆ
ในบทความนี้เราจะพูดถึงการใช้ K-NN Algorithm ในภาษา R ว่าสามารถนำไปใช้ในสถานการณ์ไหนได้บ้าง พร้อมกับตัวอย่างโค้ดที่ง่ายและจับต้องได้!
K-NN Algorithm เป็นวิธีการที่ใช้ในการจัดประเภทข้อมูล โดยอิงจากความคล้ายคลึงกัน (Similarity) ของข้อมูล เริ่มจากการคำนวณระยะห่าง (Distance) ระหว่างจุดข้อมูล (Data Point) ที่เราต้องการทำนาย กับจุดข้อมูลในชุดข้อมูลที่มีอยู่ในฐานข้อมูล (Training Data) หลังจากนั้น K-NN จะเรียงลำดับระยะห่างที่ใกล้ที่สุด K อันดับเอาไว้ และทำการทำนายผลตามประเภท (Label) ของข้อมูลที่ใกล้ที่สุดทั้ง K จุด
1. การเก็บข้อมูล: ข้อมูลที่ใช้ในการเรียนรู้ (Training Data) จะต้องมีการจัดเตรียมที่ดี และต้องมีลักษณะเป็นเชิงตัวเลข (Numeric)
2. การคำนวณระยะห่าง: ใช้สูตรสำหรับการคำนวณระยะห่าง เช่น Euclidean distance เพื่อหาค่าระยะห่างระหว่างจุดข้อมูลที่ต้องการทำนายกับข้อมูลใน Training Set
3. การจัดประเภท: หลังจากนั้นจะทำการเลือก K จำนวนเพื่อนบ้านที่ใกล้ที่สุด โดยจะนำมาพิจารณากับประเภทที่คะแนนโหวตสูงสุดในข้อมูลที่มี
4. คาดการณ์ผลลัพธ์: เมื่อได้ประเภทที่ประชันกันแล้ว K-NN ก็จะสามารถบอกประเภทของข้อมูลที่ต้องการได้
K-NN Algorithm ถูกใช้งานในหลายสถานการณ์ เช่น
1. การวินิจฉัยทางการแพทย์: เพื่อช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยโรค โดยการประเมินอาการที่มีความคล้ายคลึงกับผู้ป่วยอื่นๆ 2. การแนะนำสินค้า: เช่น ในเว็บไซต์ E-commerce เมื่อผู้ใช้งานซื้อสินค้าหนึ่ง ระบบจะตามหาผู้ใช้ที่มีการซื้อสินค้าคล้ายกันและแนะนำสินค้าอื่นๆ ที่น่าสนใจ 3. การวิเคราะห์ลูกค้า: เช่น การสร้างโมเดลที่สามารถทำนายว่าลูกค้ารายใดอาจจะเลิกใช้บริการ
เพื่อให้คุณเห็นถึงการทำงานของ K-NN Algorithm อย่างชัดเจน มาดูกันเลยว่าโค้ดที่เราจะใช้มีอะไรบ้าง:
อธิบายโค้ด
1. การติดตั้งแพคเกจ: เราต้องติดตั้งและโหลดแพคเกจ `class` สำหรับ K-NN และ `caret` สำหรับการแบ่งข้อมูลและการประเมินผล 2. สร้างชุดข้อมูล: เราใช้ชุดข้อมูล `iris` ซึ่งเป็นชุดข้อมูลที่เป็นที่รู้จักในวงการการวิเคราะห์ข้อมูล 3. แบ่งข้อมูล: ใช้ `createDataPartition` เพื่อแบ่งข้อมูลออกเป็นชุดฝึกสอน (Training Set) และชุดทดสอบ (Testing Set) 4. กำนหดค่า K: กำหนดค่าของ K ที่จะใช้ในการทำนาย 5. ใช้ K-NN: ใช้ฟังก์ชัน `knn` ในการทำนายประเภทของข้อมูล โดยระบุชุดข้อมูลฝึกสอนและชุดข้อมูลทดสอบ 6. แสดงผลลัพธ์: ใช้ `confusionMatrix` เพื่อดูผลลัพธ์ที่ได้ และทำการวิเคราะห์ว่าโมเดลทำงานได้ดีเพียงใด
K-NN Algorithm เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการจัดประเภทข้อมูล ที่สำคัญก็คือสามารถนำไปใช้งานในหลายสาขา เช่น การแพทย์ การตลาด และอื่นๆ สำหรับใครที่สนใจในการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลและการสร้างโมเดล K-NN หรือเทคนิคอื่นๆ ทาง EPT (Expert-Programming-Tutor) มีหลักสูตรที่พร้อมจะสอนคุณอย่างเป็นระบบ!!!
หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานภาษา R และการสร้างโมเดล Machine Learning ด้วย K-NN สามารถสมัครเรียนที่ EPT ได้เลยนะครับ! แบบเรียนเข้าใจง่าย สนุกและได้ความรู้แน่นอน!
หากมีคำถามสามารถสอบถามได้ที่นี่เลย!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM