การเขียนโปรแกรมไม่เพียงแค่การพิมพ์โค้ดลงไปในคอมพิวเตอร์ แต่ยังเกี่ยวข้องกับการคิดเชิงตรรกะที่ดีเช่นกัน เมื่อเราพูดถึงการควบคุมการทำงานของโปรแกรม หนึ่งในโครงสร้างที่สำคัญที่เรามักใช้นั่นคือ `do-while loop` ในภาษา R ที่ให้เราสามารถควบคุมการทำงานของโปรแกรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ เราจะมายกตัวอย่างการใช้งาน `do-while loop` ในภาษา R แบบง่าย ๆ พร้อมตัวอย่างโค้ดและอธิบายการทำงาน รวมถึงการประยุกต์ใช้งานในโลกจริง
`do-while loop` เป็นโครงสร้างการทำซ้ำที่ให้เราสามารถทำงานในบล็อกโค้ดหนึ่ง ๆ ก่อนที่จะตรวจสอบเงื่อนไข หากเงื่อนไขเป็นจริง โปรแกรมจะทำซ้ำบล็อกโค้ดนั้น ซึ่งหมายความว่า บล็อกโค้ดใน `do` จะถูกทำงานอย่างน้อยหนึ่งครั้งเสมอ หากเปรียบเทียบกับ `while loop` ที่อาจไม่ทำงานเลยถ้าเงื่อนไขเริ่มต้นเป็นเท็จ
ในภาษา R` do-while loop` จะเขียนได้ในรูปแบบดังนี้:
เนื่องจาก R ไม่มีคำสั่ง `do-while` ตรง ๆ เราจึงใช้ `repeat` และ `if` เพื่อทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
มาดูตัวอย่างการใช้งาน `do-while loop` ในภาษา R ที่เก็บค่าเลขที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามาและทำการบวกเลขจนกว่า ผู้ใช้จะป้อนค่า 0:
อธิบายการทำงานของโค้ด
1. เราเริ่มต้นตัวแปร `result` ที่ใช้ในการเก็บผลรวมของเลขที่ผู้ใช้ป้อน
2. การใช้ `repeat` จะสร้างลูปที่ไม่มีเงื่อนไขออกมา
3. ในบล็อกโค้ด จะมีการใช้ `readline()` เพื่อรับค่าจากผู้ใช้
4. โปรแกรมจะทำการบวกเลขที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามาไว้ในตัวแปร `result`
5. ตรวจสอบว่าผู้ใช้ป้อนเลข 0 หรือไม่ หากป้อนเลข 0 จะใช้คำสั่ง `break` เพื่อหยุดการทำงานของลูป
6. เมื่อลูปสิ้นสุด โปรแกรมจะแสดงผลรวมของเลขที่ผู้ใช้ป้อน
การใช้งาน `do-while loop` ในภาษา R สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายสถานการณ์ในชีวิตจริง เช่น:
1. การเก็บข้อมูลสถิติ:- ตัวอย่างเช่น การเก็บข้อมูลสถิติจากผู้ใช้งาน เว็บไซต์ โดยผู้ใช้สามารถป้อนข้อมูลได้หลายครั้งจนกว่าจะเลือกที่จะหยุด
2. การทำแบบสอบถาม:- ในการสร้างระบบแบบสอบถามออนไลน์ สามารถใช้ `do-while loop` เพื่อให้ผู้ใช้ตอบคำถามจนกว่าจะกรอกข้อมูลเสร็จ
3. การตรวจสอบข้อมูลในระบบ:- หากเราต้องการให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูลบางอย่าง เช่น Password ระบบก็สามารถใช้ `do-while loop` เพื่อให้ผู้ใช้งานกรอกข้อมูลที่ถูกต้องจนกว่าจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องจริง ๆ
ข้อดี:
- การทำงานอย่างน้อยหนึ่งครั้ง: โดยเฉพาะเมื่อจำเป็นต้องรับข้อมูลจากผู้ใช้ - ความกระชับ: Less clutter ในโค้ด เมื่อเปรียบเทียบกับ `while` ที่อาจต้องมีการตรวจสอบเงื่อนไขหลายครั้งก่อนเริ่มทำงานข้อเสีย:
- ยากต่อการติดตาม: โครงสร้างที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้การอ่านโค้ดยากขึ้น - ไม่สามารถใช้งานได้บ่อย: ในสถานการณ์ที่ไม่ต้องการทำงานทุกครั้ง อาจไม่เหมาะสม
`do-while loop` เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมการทำงานของโปรแกรม โดยเฉพาะเมื่อเราต้องการให้โปรแกรมทำงานอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ตัวอย่างในบทความนี้เช่นการรับค่าจากผู้ใช้และการทำงานในโลกจริง เช่น การสอบถามข้อมูลสถิติหรือการรับข้อมูลผู้ใช้ ซึ่งสามารถทำให้โค้ดมีความประสิทธิภาพและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น
หากคุณสนใจที่จะศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม การเรียนรู้โครงสร้างข้อมูลและการควบคุมโฟล์ในภาษา R หรือภาษาอื่น ๆ เราขอเชิญชวนคุณเข้ามาเรียนรู้ที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) แหล่งศูนย์เรียนรู้ด้านการเขียนโปรแกรมที่มุ่งสู่อนาคต คุณสามารถเข้าถึงความรู้และทักษะใหม่ ๆ ที่จะช่วยปูทางสู่ความสำเร็จในการเขียนโปรแกรมของคุณ!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM