การเขียนโปรแกรมนั้นไม่ได้เป็นเพียงการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามคำสั่ง แต่มันคือศิลปะและวิทยาการที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาและรูปแบบความคิดสร้างสรรค์ หากคุณมีความสนใจในการเรียนรู้โปรแกรมมิ่งและประกอบอาชีพทางด้านไอทีในอนาคต EPT หรือ Expert-Programming-Tutor พร้อมให้ไกด์ไลน์และความรู้ที่ครบถ้วนสำหรับคุณ
ภาษา R เป็นหนึ่งในภาษาโปรแกรมมิ่งที่มีความสามารถพิเศษในการวิเคราะห์ข้อมูลและทำการคำนวณทางสถิติ หนึ่งในความสามารถที่ทำให้ R โดดเด่นคือฟังก์ชันการเรียก instance หรือการใช้งาน objects ในการจัดการข้อมูลและการคำนวณ ลองมาดูตัวอย่างโค้ดในการใช้ฟังก์ชัน instance ใน R กันเถอะ
# สร้าง S3 class สำหรับการเก็บข้อมูลนักเรียน
Student <- setClass("Student",
slots = c(name = "character", age = "numeric", grade = "numeric"))
# สร้าง instance method สำหรับการแสดงข้อมูลนักเรียน
setMethod("show", "Student", function(object) {
cat(paste("Name:", object@name, "\nAge:", object@age, "\nGrade:", object@grade, "\n\n"))
})
# สร้าง object จาก class นักเรียน
student1 <- Student(name = "Somchai", age = 20, grade = 3.5)
student2 <- Student(name = "Somsri", age = 21, grade = 4.0)
# เรียกใช้ instance method 'show' เพื่อแสดงข้อมูลของนักเรียน
show(student1)
show(student2)
ในตัวอย่างข้างต้น เราได้สร้าง class นักเรียนเพื่อเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนักเรียน เช่น ชื่อ, อายุ และเกรดการเรียน จากนั้นเราก็ได้สร้าง instance method ที่ชื่อว่า `show` เพื่อแสดงข้อมูลนั้นออกมา
# สืบทอดคลาส 'Student' ไปยัง 'GraduateStudent'
GraduateStudent <- setClass("GraduateStudent", contains = "Student")
# สร้าง instance method สำหรับ class 'GraduateStudent'
setMethod("show", "GraduateStudent", function(object) {
cat(paste("Graduate Student Name:", object@name, "\n"))
})
# สร้าง object จาก class 'GraduateStudent'
grad_student1 <- GraduateStudent(name = "Piya", age = 24, grade = 3.8)
# เรียกใช้ instance method 'show' ที่ถูกสืบทอดมา
show(grad_student1)
ในตัวอย่างที่ 2, เรามีการใช้ความสามารถของการสืบทอด (inheritance) รายการต่อไปนั้นือ การสืบทอด class นี้มาทำการสร้าง instance method ใหม่ที่ชื่อ `show` สำหรับแสดงข้อมูลของนักเรียนปริญญาโท
# สร้าง S4 class สำหรับการจัดการข้อมูลหนังสือ
Book <- setClass("Book", slots = c(title = "character", author = "character", year = "numeric"))
# สร้าง generic function และ method
setGeneric("printDetails", function(x) standardGeneric("printDetails"))
setMethod("printDetails", "Book", function(x) {
cat(paste("Title:", x@title, "\nAuthor:", x@author, "\nYear:", x@year, "\n\n"))
})
# สร้าง object จาก class 'Book'
book1 <- Book(title = "The Great Gatsby", author = "F. Scott Fitzgerald", year = 1925)
# เรียกใช้งาน method 'printDetails'
printDetails(book1)
ในตัวอย่างสุดท้าย, เราได้เห็นการสร้าง generic function ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้กับ classes ต่างๆเพื่อปรับเปลี่ยนการทำงานของ function เหล่านั้นให้เหมาะสมกับคลาสที่เรากำหนด
การใช้งานฟังก์ชันการเรียก instance ในภาษา R นั้นสามารถนำไปใช้ในหลายสถานการณ์ เช่นในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ การจัดการกับข้อมูลสถิติของการขายสินค้า เพื่อช่วยให้ผู้ที่ทำงานในด้านนี้สามารถนำเสนอข้อมูลได้อย่างชัดเจนและสร้างกราฟหรือรายงานได้อย่างง่ายดาย
การเรียนรู้การใช้งานฟังก์ชันและการจัดการกับ instance ในภาษา R จึงเป็นทักษะที่สำคัญ เพื่อสร้างสรรค์โปรแกรมไม่ว่าจะในด้านใดก็ตาม ณ EPT, เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอความรู้ที่จะช่วยเสริมสร้างทักษะของคุณ และเตรียมคุณให้พร้อมต่อการทำงานในอนาคต สนใจเรียนการโปรแกรมมิ่งกับเราไหม? มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว EPT และเปิดโลกการเรียนรู้กับเราวันนี้!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: r_language instance_function s3_class inheritance graduatestudent generic_function s4_class programming data_analysis statistical_computing
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM