การใช้งาน Polymorphism ใน OOP Concept กับ R Language
การเขียนโปรแกรมอาจจะดูเป็นเรื่องยากและซับซ้อน แต่เมื่อคุณเรียนรู้ไปถึงจุดหนึ่ง คุณจะพบว่ามันคือการแสดงออกของความคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหาที่งดงามอย่างหนึ่ง วันนี้เราจะลงลึกไปกับหัวใจหลักของการเขียนโปรแกรมแบบเชิงวัตถุ (Object-Oriented Programming - OOP) นั่นคือ "Polymorphism" ในโลกของภาษา R ซึ่งไม่ได้ถูกกล่าวถึงบ่อยนัก เพราะ R โดยทั่วไปจะถูกมองว่าเป็นภาษาสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลมากกว่า แต่คุณรู้หรือไม่ ว่า R ก็สามารถใช้งานกับ OOP ได้ด้วยเช่นกัน!
Polymorphism เป็นหนึ่งในคอนเซ็ปต์หลักของ OOP ที่อนุญาตให้มีการใช้ฟังก์ชันหรือวัตถุในหลายรูปแบบ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงโค้ดที่เรียกใช้งาน ใน R คุณสามารถทำเจ้า "Polymorphism" นี้ได้ผ่านวิธีการต่างๆ เช่น S3 หรือ S4 class system และยังมี R6 ซึ่งเป็น package ที่เพิ่มคุณสมบัติเชิงวัตถุในรูปแบบที่คล้ายกับภาษาอื่นๆ
ในบทความนี้ เราจะโฟกัสที่การใช้ S3 classes เพราะมันอยู่ใน base R และเรียนรู้ได้ง่าย ดูสิ แม้แต่คุณก็ทำได้!
ใน R คุณสามารถสร้างฟังก์ชัน generic ที่มีชื่อเดียวกัน แต่สามารถทำงานกับข้อมูลประเภทต่างๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่นฟังก์ชัน `print`.
print.vehicles <- function(obj) {
print(paste("Vehicle with ID:", obj$id, "is a", obj$type))
}
myCar <- list(id = "123ABC", type = "Car")
class(myCar) <- "vehicles"
print(myCar)
# Output: [1] "Vehicle with ID: 123ABC is a Car"
สำหรับตัวอย่างนี้ เราจะสร้างสองวัตถุที่เกี่ยวกับยานพาหนะ แต่มีชนิดของยานพาหนะไม่เหมือนกัน:
vehicle <- function(id, type) {
structure(list(id = id, type = type), class = "vehicle")
}
print.vehicle <- function(x) {
cat("The", x$type, "has ID:", x$id, "\n")
}
car <- vehicle("456DEF", "Car")
bike <- vehicle("789GHI", "Bike")
print(car)
# Output: The Car has ID: 456DEF
print(bike)
# Output: The Bike has ID: 789GHI
summary.vehicle <- function(object) {
cat("Vehicle ID:", object$id, "\n")
cat("Vehicle Type:", object$type, "\n")
}
summary(car)
# Vehicle ID: 456DEF
# Vehicle Type: Car
summary(bike)
# Vehicle ID: 789GHI
# Vehicle Type: Bike
จากตัวอย่างทั้งสาม คุณจะเห็นว่าฟังก์ชัน `print` และ `summary` สามารถทำงานได้กับ objects ของ class ที่มีความแตกต่างกัน แต่ยังให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างชาญฉลาดโดยอาศัย polymorphism.
หนึ่งในนักพัฒนาซอฟต์แวร์อาจเจอกับงานที่ต้องจัดการโค้ดในการแสดงผลข้อมูลจำนวนมากที่มีลักษณะแตกต่างกัน การใช้งาน polymorphism ทำให้พวกเขาสามารถเขียนฟังก์ชันหนึ่งที่จัดการกับวัตถุในหลายชนิดได้ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและทำให้โค้ดสามารถอ่านและบำรุงรักษาได้ง่ายขึ้น
การเข้าใจว่า Polymorphism นั้นง่ายดายและมีประโยชน์เพียงใด อาจเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ความจริงแล้วมันเป็นเพียงการเปลี่ยนมุมมองในการเขียนโปรแกรมของคุณให้สามารถประยุกต์ใช้ได้กับสถานการณ์ต่างๆ หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมหรือต้องการพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมของคุณให้ไปถึงขีดสุด ที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) เรามีหลักสูตรและผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้คุณควบคุมความรู้ในการโค้ดด้วยภาษา R ที่รอคุณอยู่
มาร่วมเปิดโลกทัศน์ด้านการเขียนโปรแกรมกับเรา และก้าวไปสู่ความเป็นช่างฝีมือทางโค้ดที่ไม่ว่าปัญหาใดๆ ก็พร้อมที่จะเอาชนะได้อย่างแน่นอน!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM