Infrastructure Engineer คืออะไร ทำหน้าที่อะไร อยากเป็น ต้องรู้อะไรบ้าง
Infrastructure Engineer หรือวิศวกรด้านโครงสร้างพื้นฐาน คือบุคคลากรที่มีความสำคัญอย่างมากในการสร้างและบำรุงรักษาระบบโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และสนับสนุนให้ระบบพื้นฐานนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่สะดุด หากกล่าวถึงหน้าที่หลักของวิศวกรด้าน Infrastructure ก็คือ การจัดการกับเรื่องระบบเครือข่าย, ข้อมูล, ศูนย์ข้อมูล (Data Center), ความปลอดภัยของระบบ (Cybersecurity), ระบบคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง (Centralized Computing Systems), การสื่อสารข้อมูล, และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในบริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ
การจะเป็น Infrastructure Engineer ที่มีความสามารถและความชำนาญนั้น คุณจำเป็นต้องมีความรู้ด้านเทคนิคและทักษะการทำงานที่หลากหลาย ดังนี้:
1. ความรู้เกี่ยวกับระบบเครือข่าย: การเข้าใจถึงระบบเครือข่ายที่ซับซ้อน รวมถึง TCP/IP, DNS, DHCP, LAN/WAN และเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น VPN และ SD-WAN.
2. ระบบความปลอดภัย: การมีความรู้เกี่ยวกับ Cybersecurity และการป้องกันระบบจากการโจมตี เช่น Firewall, IDS/IPS, การจัดการระเบียบวิธีการเข้าถึง (Access Controls) และการเข้ารหัส (Encryption).
3. ระบบคลาวด์: ปัจจุบันระบบคลาวด์มีบทบาทมากในโครงสร้างพื้นฐาน IT การเข้าใจถึงบริการและสถาปัตยกรรมของระบบคลาวด์ เช่น AWS, Azure หรือ Google Cloud จึงเป็นสิ่งจำเป็น.
4. ระบบปฏิบัติการ: ความสามารถในการทำงานกับระบบปฏิบัติการหลัก ๆ เช่น Windows Server, Linux หรือ Unix รวมทั้งการจัดการ Virtualization และ Containerization เช่น VMware, Hyper-V, Docker และ Kubernetes.
5. ฐานข้อมูล: ความรู้ด้านการจัดการฐานข้อมูล SQL และ NoSQL เช่น Microsoft SQL Server, MySQL, MongoDB วิศวกรที่เข้าใจโครงสร้างและการปรับใช้ฐานข้อมูลจะมีความสำคัญมากในการรองรับการทำงานของระบบโดยรวม.
6. ความรู้ด้านสคริปต์และการเขียนโปรแกรม: การสามารถเขียนสคริปต์และโปรแกรมในภาษาเช่น Python, Bash หรือ PowerShell เพื่อการจัดการโครงสร้างพื้นฐานและอัตโนมัติการทำงานต่าง ๆ.
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เราลองมาดูตัวอย่างการใช้ Python ในการจัดการระบบคอมพิวเตอร์อย่างง่าย ตัวอย่างเช่น การใช้สคริปต์เพื่อตรวจสอบสถานะเครือข่ายในฐานข้อมูล:
import mysql.connector
from mysql.connector import Error
# ฟังก์ชันเชื่อมต่อฐานข้อมูล
def create_server_connection(host_name, user_name, user_password):
connection = None
try:
connection = mysql.connector.connect(
host=host_name,
user=user_name,
password=user_password
)
print("MySQL Database connection successful")
except Error as err:
print(f"Error: '{err}'")
return connection
# ตัวอย่างการเชื่อมต่อฐานข้อมูล (สมมติว่าเรามีชื่อฐานข้อมูล, ผู้ใช้และรหัสผ่านแล้ว)
connection = create_server_connection("localhost", "your_username", "your_password")
# สามารถต่อยอดเพื่อตรวจสอบ, แก้ไข หรือปรับปรุงข้อมูลภายในฐานข้อมูลได้ตามลำดับ
ทักษะที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความรู้ที่วิศวกรด้าน Infrastructure ควรจะมี วิศวกรที่ดีควรมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์, และการบูรณาการระบบเหล่านั้นเข้าด้วยกันเพื่อสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังต้องมีความสามารถในการแก้ไขปัญหา, และทักษะการสื่อสารที่ดีเพื่อทำงานร่วมกับทีมงานและช่วยเหลือลูกค้าหรือผู้ใช้งานที่มีปัญหา.
อย่างไรก็ตาม การศึกษามากขึ้นและการฝึกฝนทักษะเหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการก้าวไปสู่การเป็น Infrastructure Engineer ที่เชี่ยวชาญ การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดและเกิดขึ้นได้ทุกที่ หากคุณมีความสนใจด้านนี้ ก็ควรจะคำนึงถึงการเลือกสถาบันที่ให้ความรู้ครบถ้วนและมีคุณภาพเพื่อส่งเสริมและพัฒนาก้าวต่อไปในสายอาชีพของคุณ. จงค้นหาทรัพยากรการเรียนรู้ และไม่หยุดที่จะเสริมสร้างทักษะของคุณให้กว้างขึ้นอยู่เสมอ.
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM