การพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องการการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างนักพัฒนากับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการทำความเข้าใจผิด เลยได้มีการคิดค้นกระบวนการใหม่ที่เรียกว่า BDD หรือ Behavior-Driven Development ซึ่งต้องบอกว่ากระบวนการนี้มีศักยภาพในการก่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพสูงมากในโลกของการเขียนโปรแกรม
BDD คืออะไร?
Behavior-Driven Development หรือ BDD เป็นกระบวนการการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มุ่งเน้นไปที่การเข้าใจพฤติกรรมของซอฟต์แวร์ที่จะพัฒนาผ่านการคุยกันในทีมและการทดสอบที่มุ่งเน้นพฤติกรรมการใช้งาน (Behavior). หลักการของ BDD กล่าวว่านักพัฒนาควรเขียนเทสก่อนที่จะเริ่มเขียนโค้ดจริง, โดยเทสนี้จะเป็นการอธิบายว่าซอฟต์แวร์ควรประพฤติก่อนดังที่ผู้ใช้งานคาดหวังเอาไว้.
ประโยชน์ของ BDD
1. การสื่อสารที่ดีขึ้น: BDD ช่วยให้ทีมผู้พัฒนาและ stakeholder สื่อสารกันได้ดียิ่งขึ้น โดยใช้ภาษาที่ไม่เทคนิคมากเกินไป ทำให้ทุกคนเข้าใจเจตนารมณ์ของฟีเจอร์ที่จะพัฒนาอย่างชัดเจน
2. การพัฒนาที่มีจุดมุ่งหมาย: การเริ่มต้นจากการหาเหตุผลที่ซอฟต์แวร์นี้ควรจะมีการทำงานในแบบนั้น ช่วยให้การพัฒนามีจุดหมายและมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ผู้ใช้จริงๆ ต้องการ
3. ลดความซับซ้อนในการทดสอบ: เมื่อเทสเคสถูกสร้างจากพฤติกรรมการใช้งานจริง ทำให้สามารถวัดผลการทำงานของซอฟต์แวร์ได้ได้อย่างชัดเจนและลดความซับซ้อนของการทดสอบ
4. คุณภาพซอฟต์แวร์ที่ดีขึ้น: ด้วยการที่ทีมพัฒนามีความเข้าใจเกี่ยวกับเจตนาแท้จริงของฟีเจอร์นั้นๆ ทำให้ประสิทธิภาพและคุณภาพของซอฟต์แวร์ที่พัฒนาออกมานั้นดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม BDD ก็มีข้อตำหนิคือการที่บางทีอาจจะต้องใช้เวลามากในการหารืออภิปรายก่อนที่จะเริ่มเขียนโค้ด ซึ่งอาจจะทำให้พบกับความท้าทายในการทำให้ทุกคนมีความเข้าใจที่เหมือนกัน เช่นเดียวกับการรักษาให้เทสเคสที่เขียนขึ้นมานั้นเป็นปัจจุบันและรักษาไว้ซึ่งความเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ที่พัฒนา.
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เรามาดูตัวอย่างของ BDD กับการเขียนเทสเนื้อหาดังนี้:
ตัวอย่างการเขียนเทสใน BDDอาจเป็นแบบนี้:
Feature: การเข้าสู่ระบบ
In order to access personal data
As a registered user
I want to log in to the website
Scenario: User enters correct credentials
Given the user has navigated to the login page
When the user enters the correct username and password
Then the user should be granted access to their account
ในตัวอย่างนี้ เราใช้ภาษาที่ธรรมดาและเข้าใจง่ายในการอธิบายฟีเจอร์การเข้าสู่ระบบ (Feature: การเข้าสู่ระบบ) สิ่งที่เราต้องการ (In order to...As a...I want to...) และสถานการณ์ที่ทดสอบ (Scenario: User enters correct credentials) รวมถึงขั้นตอน (Given...When...Then...) ที่ดูคล้ายคลึงกับวิธีที่ผู้ใช้จะอธิบายปัญหาหรือความต้องการของพวกเขา.
สรุปแล้ว BDD คือกระบวนการที่มีประโยชน์อย่างยิ่งในการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะในด้านการสื่อสารและการสร้างโครงการที่มุ่งเน้นไปที่ลูกค้าและผู้ใช้จริง ซึ่งนี่เป็นหัวใจสำคัญของการสร้างซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพ. ในตอนนี้คุณอาจสนใจที่จะเรียนรู้วิธีการใช้งาน BDD ในการพัฒนาโปรแกรมและหากคุณต้องการที่จะลึกซึ้งและเข้าใจในแนวคิดนี้อย่างแท้จริง การศึกษาและฝึกฝนกับสถาบันที่เชี่ยวชาญเช่น EPT อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่จะพัฒนาทักษะในด้านการเขียนโปรแกรมของคุณเพื่อมีอาชีพที่รุ่งโรจน์.
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM