polymorphism in OOP concept คืออะไร การใช้งาน polymorphism in OOP concept ในภาษา VB.NET แบบง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง

บทความ: Exploring Polymorphism in Object-Oriented Programming through VB.NET

ทำความเข้าใจ Polymorphism ในแนวคิดการเขียนโปรแกรมแบบวัตถุ (OOP)

Polymorphism คือหนึ่งในหลักการสำคัญของการเขียนโปรแกรมแบบวัตถุ หรือ Object-Oriented Programming (OOP) ที่ให้โปรแกรมเมอร์สร้างโค้ดที่ยืดหยุ่นและขยายได้ง่ายผ่านการใช้งานวัตถุ (objects) ในรูปแบบต่างๆ คำว่า "Polymorphism" มาจากภาษากรีกที่หมายถึง "หลายรูปแบบ" ซึ่งในโลกของการเขียนโปรแกรมก็คือความสามารถที่ตัวแปรหรือฟังก์ชันหนึ่งๆ สามารถรับค่าหรือทำงานได้หลายรูปแบบตามคลาสหรือประเภทย่อยของวัตถุที่ถูกใช้งาน.

ในภาษาโปรแกรมเมอร์สำภาษา VB.NET หลักการของ polymorphism สามารถนำไปใช้ผ่านการสืบทอดคลาส (inheritance) หรือการนิยาม Interface.

การนำไปใช้ Polymorphism ใน VB.NET ง่ายๆ

งานของ polymorphism ใน VB.NET นั้นทำงานได้โดยการใช้คีย์เวิร์ด ‘Overrides’ สำหรับการเขียนคำสั่งที่ชื่อเหมือนกันแต่มีการทำงานที่ต่างกันในคลาสลูกต่างๆ. ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างโค้ดพื้นฐานของการใช้ polymorphism ใน VB.NET:

ตัวอย่างที่ 1:

Public Class Animal
    Public Overridable Sub Speak()
        Console.WriteLine("An animal makes a sound.")
    End Sub
End Class

Public Class Dog
    Inherits Animal

    Public Overrides Sub Speak()
        Console.WriteLine("Dog says: Bow-Wow.")
    End Sub
End Class

Public Class Cat
    Inherits Animal

    Public Overrides Sub Speak()
        Console.WriteLine("Cat says: Meow.")
    End Sub
End Class

ในโค้ดข้างต้น, คลาส ‘Animal’ มีเมธอด ‘Speak’ ที่สามารถถูก override ได้ในคลาส ‘Dog’ และ ‘Cat’. เมธอด ‘Speak’ ในคลาสลูกจะแสดงข้อความที่แตกต่างกันตามประเภทของสัตว์.

Usecase โลกจริง: สมมติว่าคุณกำลังพัฒนาระบบจัดการสัตว์เลี้ยง คุณสามารถสร้างคลาสแม่เป็น 'Animal' และคลาสลูกเป็นแต่ละชนิดของสัตว์เลี้ยง เช่น 'Dog', 'Cat', 'Parrot' เป็นต้น และใช้เมธอด 'Speak' สำหรับทำให้สัตว์แต่ละชนิดส่งเสียงที่เฉพาะตัว.

ตัวอย่างที่ 2:

Public Interface IShape
    Function CalculateArea() As Double
End Interface

Public Class Rectangle
    Implements IShape
    Private _width As Double
    Private _height As Double

    Public Sub New(ByVal width As Double, ByVal height As Double)
        _width = width
        _height = height
    End Sub

    Public Function CalculateArea() As Double Implements IShape.CalculateArea
        Return _width * _height
    End Function
End Class

Public Class Circle
    Implements IShape
    Private _radius As Double

    Public Sub New(ByVal radius As Double)
        _radius = radius
    End Sub

    Public Function CalculateArea() As Double Implements IShape.CalculateArea
        Return Math.PI * _radius * _radius
    End Function
End Class

ในตัวอย่างนี้, `IShape` เป็น interface ที่กำหนดเมธอด `CalculateArea`. คลาส `Rectangle` และ `Circle` ทั้งคู่ implement interface นี้ และนำเสนอการคำนวณพื้นที่ของตัวเอง.

Usecase โลกจริง: ในโปรแกรมที่ต้องการคำนวณพื้นที่ของรูปทรงต่างๆ สามารถสร้าง interface `IShape` และ implement ในคลาสรูปทรงต่างๆ เพื่อให้สามารถเรียกใช้เมธอด `CalculateArea` ได้โดยไม่จำเป็นต้องรู้รายละเอียดภายในของรูปทรงนั้นๆ.

นอกจากการเรียนรู้เรื่อง polymorphism ใน VB.NET แล้ว หากคุณต้องการทำความเข้าใจและประยุกต์ใช้หลักการ OOP อื่นๆ อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น, หลักสูตรการเรียนการสอนที่ Expert-Programming-Tutor (EPT) เสนอได้ จะช่วยให้คุณคล่องแคล่วในทุกหลักการและสามารถนำไปใช้กับโครงการจริงได้อย่างมั่นใจ พร้อมกับการสนับสนุนของผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนโปรแกรม. ค้นหาโอกาสที่จะแสดงความสามารถของคุณและพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมให้มีประสิทธิภาพที่ EPT วันนี้!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง