การใช้งาน Longest common subsequent ในภาษา VB.NET แบบง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง

## การใช้งาน Longest Common Subsequence (LCS) ในภาษา VB.NET พร้อมตัวอย่างโค้ดและการใช้งานจริง

การค้นหาลำดับย่อยสามัญที่ยาวที่สุด (Longest Common Subsequence หรือ LCS) เป็นปัญหาที่น่าสนใจในวิชาการตลอดจนในการประยุกต์ใช้งานทางด้านอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ซึ่งในภาษา VB.NET การเขียนโปรแกรมเพื่อค้นหา LCS สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการใช้แนวคิดของอัลกอริทึมแบบไดนามิกโปรแกรมมิ่ง

อธิบายการทำงานของ LCS

LCS เป็นวิธีการในการหาลำดับย่อยที่ทั้งสองสตริงมีร่วมกันโดยไม่ต้องเรียงติดกัน แต่ต้องเรียงลำดับเหมือนกัน ตัวอย่างเช่น สำหรับสตริง "ABCBDAB" และ "BDCAB" นั้น LCS คือ "BCAB"

การหา LCS แบบไดนามิกจะใช้ตารางสองมิติในการเก็บค่าความยาวของ LCS ณ แต่ละจุด และทำการคำนวณจากข้างล่างขึ้นบน หรือจากซ้ายไปขวา ในที่สุดจะสามารถหาค่า LCS ยาวที่สุดได้

ตัวอย่างโค้ด VB.NET สำหรับ LCS

ต่อไปนี้คือตัวอย่างโค้ด 3 ตัวอย่างในการหา LCS ในภาษา VB.NET

ตัวอย่างที่ 1: ฟังก์ชันหาความยาวของ LCS

 Function LCSLength(X As String, Y As String) As Integer
    Dim m As Integer = X.Length
    Dim n As Integer = Y.Length
    Dim L(m + 1, n + 1) As Integer

    For i As Integer = 0 To m
        For j As Integer = 0 To n
            If i = 0 OrElse j = 0 Then
                L(i, j) = 0
            ElseIf X(i - 1) = Y(j - 1) Then
                L(i, j) = L(i - 1, j - 1) + 1
            Else
                L(i, j) = Math.Max(L(i - 1, j), L(i, j - 1))
            End If
        Next
    Next
    Return L(m, n)
End Function

ตัวอย่างที่ 2: ฟังก์ชันสร้าง LCS

 Function ConstructLCS(X As String, Y As String, L(,) As Integer) As String
    Dim result As New StringBuilder()
    Dim i As Integer = X.Length
    Dim j As Integer = Y.Length
    While i > 0 AndAlso j > 0
        If X(i - 1) = Y(j - 1) Then
            result.Insert(0, X(i - 1))
            i -= 1
            j -= 1
        ElseIf L(i - 1, j) > L(i, j - 1) Then
            i -= 1
        Else
            j -= 1
        End If
    End While
    Return result.ToString()
End Function

ตัวอย่างที่ 3: ฟังก์ชันรวมการทำงานหา LCS

 Function FindLCS(X As String, Y As String) As String
    Dim m As Integer = X.Length
    Dim n As Integer = Y.Length
    Dim L(m + 1, n + 1) As Integer

    ' สร้างตาราง L สำหรับความยาวของ LCS
    For i As Integer = 0 To m
        For j As Integer = 0 To n
            If i = 0 OrElse j = 0 Then
                L(i, j) = 0
            ElseIf X(i - 1) = Y(j - 1) Then
                L(i, j) = L(i - 1, j - 1) + 1
            Else
                L(i, j) = Math.Max(L(i - 1, j), L(i, j - 1))
            End If
        Next
    Next

    ' สร้าง LCS จากตาราง L
    Return ConstructLCS(X, Y, L)
End Function

ในการใช้งานจริง คุณสามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน `FindLCS` เพื่อหา LCS ระหว่างสองสตริงที่ต้องการ นี่คือวิธีที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสำหรับการดำเนินการดังกล่าว

Usecase ในโลกจริง

การประยุกต์ใช้ LCS สามารถพบเห็นได้ในหลายสถานการณ์ เช่น:

สำหรับใครที่ต้องการศึกษาด้านการเขียนโปรแกรมเพิ่มเติม หรืออยากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยการเขียนโค้ด ที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) เราพร้อมที่จะพาคุณไปสู่การเป็นโปรแกรมเมอร์มืออาชีพ ที่ไม่เพียงแค่เขียนโค้ดให้ทำงานได้ แต่ยังเขียนโค้ดอย่างมีประสิทธิภาพและเชี่ยวชาญการประยุกต์ใช้งานในโปรเจกต์จริง

การฝึกฝนและศึกษาการเขียนโปรแกรมเชิงลึกคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณก้าวไปสู่การเป็นโปรแกรมเมอร์ที่มีคุณภาพ ที่ EPT เรามีหลักสูตรที่จะนำคุณไปสู่ศิลปะแห่งการเขียนโค้ดอย่างมีฝีมือ ติดต่อเราและเริ่มต้นการเรียนรู้ทางด้านการเขียนโปรแกรมในวันนี้!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง