การใช้งาน Class and object ในภาษา VB.NET แบบง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง

การใช้งาน Class และ Object ในภาษา VB.NET

การเขียนโปรแกรมนั้นเป็นศิลปะ และทักษะที่สามารถฝึกหัดและพัฒนาได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการเขียนโปรแกรมแบบเชิงวัตถุ (OOP: Object-Oriented Programming) ที่ใช้แนวคิดของ Class และ Object เพื่อจัดการกับข้อมูลและพฤติกรรมในโปรแกรมของเรา ภาษา VB.NET ซึ่งพัฒนามาจาก Visual Basic มีความสามารถในการจัดการกับคอนเซ็ปต์เหล่านี้อย่างยอดเยี่ยม

ความหมายของ Class และ Object

Class เป็นรากฐานหลักในการเขียนโค้ดแบบเชิงวัตถุ มันคือเทมเพลตหรือแบบจำลองที่กำหนดขึ้นสำหรับวัตถุ (Objects) ที่จะถูกสร้างขึ้น คล้ายๆ กับการที่เรามีแบบประกอบสำหรับตัวบ้าน ส่วน Object คือ ตัวอย่างหรือ instance ที่สร้างขึ้นจาก Class เหล่านั้น คล้ายกับบ้านที่สร้างจากแบบประกอบ

ตัวอย่างที่ 1: Class และ Object พื้นฐาน

 Public Class Car
    Public brand As String
    Public model As String
    Public color As String

    Public Sub New(brand As String, model As String, color As String)
        Me.brand = brand
        Me.model = model
        Me.color = color
    End Sub

    Public Sub DisplayCarInfo()
        Console.WriteLine("Brand: " & brand & ", Model: " & model & ", Color: " & color)
    End Sub
End Class

Sub Main()
    Dim myCar As New Car("Toyota", "Corolla", "Red")
    myCar.DisplayCarInfo()
End Sub

ในตัวอย่างนี้ เราสร้าง Class ชื่อว่า `Car` ที่มีสมบัติเป็น brand, model และ color พร้อมด้วย Sub คอนสตรัคเตอร์และ Sub แสดงข้อมูลรถ `DisplayCarInfo` จากนั้น เราสร้าง Object จาก Class นี้ชื่อว่า `myCar` แล้วเรียกใช้งาน Sub `DisplayCarInfo`

ตัวอย่างที่ 2: การใช้ Property

 Public Class Person
    Private _name As String
    Private _age As Integer

    Public Property Name As String
        Get
            Return _name
        End Get
        Set(value As String)
            _name = value
        End Set
    End Property

    Public Property Age As Integer
        Get
            Return _age
        End Get
        Set(value As Integer)
            _age = value
        End Set
    End Property
End Class

Sub Main()
    Dim person1 As New Person()
    person1.Name = "Somchai"
    person1.Age = 30
    Console.WriteLine(person1.Name & " is " & person1.Age & " years old.")
End Sub

ในตัวอย่างนี้เราได้เพิ่มการ encapsulate ข้อมูล ด้วยการใช้ Property แทนที่จะเปิดเผยตัวแปรที่ใช้ภายใน (แบบในตัวอย่างแรก)

ตัวอย่างที่ 3: การใช้งาน Inheritance

 Public Class Vehicle
    Public Make As String
    Public Model As String

    Public Sub StartEngine()
        Console.WriteLine(Make & " " & Model & " engine started!")
    End Sub
End Class

Public Class Car
    Inherits Vehicle

    Public Property Color As String

    Public Sub New(make As String, model As String, color As String)
        Me.Make = make
        Me.Model = model
        Me.Color = color
    End Sub
End Class

Sub Main()
    Dim myCar As New Car("Honda", "Civic", "Blue")
    myCar.StartEngine()
End Sub

ตัวอย่างนี้สาธิตการใช้งานการถ่ายทอดคุณสมบัติ (Inheritance) โดยมี Class `Vehicle` เป็นคลาสหลัก และ Class `Car` สืบทอดคุณสมบัติจาก `Vehicle`รถยนต์ที่เราสร้างสามารถ "StartEngine" เหมือนกับยานพาหนะทุกรูปแบบที่เป็น `Vehicle`

Usecase ในโลกจริง

ในโลกจริง, เราอาจจะใช้ Class และ Object ในเชิงธุรกิจ เช่น ไลบรารีสำหรับจัดการรายการสินค้าในระบบ e-commerce เราสามารถมี Class สำหรับสินค้า (Product), ออร์เดอร์ (Order), หรือลูกค้า (Customer) แต่ละ Object จะแทนสำหรับรายการหนึ่งๆ ซึ่งมีสถานะและพฤติกรรมที่เฉพาะเจาะจง

นอกจากนี้ Class และ Object ยังมีประโยชน์ในการจำลองสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น การจำลองระบบสภาพอากาศ, ระบบควบคุมการจราจร หรือแม้แต่ในการพัฒนาเกม ที่เราต้องจำลองพฤติกรรมของตัวละครนานาชนิด

หากคุณอยากทำความเข้าใจการเขียนโปรแกรมแบบ OOP ในภาษา VB.NET หรือภาษาอื่นๆ อย่างลึกซึ้งและต้องการปูพื้นฐานทางด้านการเขียนโค้ดอย่างมั่นใจ EPT คือสถาบันการศึกษาที่พร้อมจะนำพาคุณไปสู่การเป็นโปรแกรมเมอร์ที่มีคุณภาพ ที่นี่คุณจะได้เรียนรู้หลักสูตรที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงระดับสูง ผ่านการสอนที่เข้าใจง่าย และมีโอกาสฝึกปฏิบัติจริง ร่วมกับโปรแกรมเมอร์ที่มีประสบการณ์ พร้อมชุมชนของผู้เรียนที่พร้อมสนับสนุนกันและกันเพื่อความสำเร็จในอาชีพการเขียนโปรแกรม!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง